“ดาวโจนส์” ปิดบวก 3 วันติด ขานรับความหวัง “เฟด” ลดดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 56.81 จุด ที่ระดับ 37,305.16 จุด ในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) โดยปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) โดยปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,305.16 จุด เพิ่มขึ้น 56.81 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,719.19 จุด ลดลง 0.36 จุด หรือ -0.001% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,813.92 จุด เพิ่มขึ้น 52.36 จุด หรือ +0.35% ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.5% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.8%
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของนายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่ระบุว่า เร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ลดแรงบวกในตลาด
สำหรับหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ร่วงลงมากกว่า 1% และลดช่วงบวกในสัปดาห์นี้ลง
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณในการแถลงนโยบายเมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ พุ่งขึ้น 9.1% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ปริมาณการซื้อขายในตลาดสูงถึง 1.976 หมื่นล้านหุ้น เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ย 1.18 หมื่นล้านหุ้นในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมา
หุ้นคอสต์โค โฮลเซล พุ่ง 4.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าคาด อันเนื่องมาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลสำรวจกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศกระเตื้องขึ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและความต้องการแรงงาน ซึ่งอาจช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4/2566
ด้าน เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.0 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 50.7 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ