SA ออกหุ้นกู้มีประกัน ดอกเบี้ย 7% ต่อปี ขายสถาบัน-รายใหญ่ เปิดจอง 19-23 ม.ค. 67
SA เตรียมเปิดขาย “หุ้นกู้มีประกัน” อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายสถาบันและรายใหญ่ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 9 แห่ง วันที่ 19 และ 22-23 ม.ค. 67 มั่นใจ “หุ้นกู้” ทุกรุ่นจ่ายดอกเบี้ยตรงตามเวลา - แย้มแนวโน้มไตรมาส 4/66 เติบโตแกร่งจากยอดโอนโครงการ
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้โดยใช้ชื่อว่า “หุ้นกู้มีประกันของ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2567 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอน หุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” ทั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ, มีประกัน, มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบ
โดยกำหนดไถ่ถอน จำนวน 1 ชุด อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.0% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท โดยคาดการณ์ว่าจะเปิดจองได้ระหว่างวันที่ 19 และ 22 – 23 มกราคม 2567 ทั้งนี้สอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1306 ส่วนทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกัน ประกอบด้วย 1. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โรงแรม Tribe Living Bangkok Sukhumvit 39 เนื้อที่ดิน ประมาณ 1 ไร่ 0 งาน 66 ตารางวา หรือ 466 ตารางวา มูลค่าประเมิน 1,917,700,000 บาท, และ/หรือ 2. ห้องชุดโครงการ ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ 42 จำนวน 109 ห้องชุด
ทั้งนี้ประกอบไปด้วยห้องชุดพักอาศัย จำนวน 104 ห้องชุด และห้องชุดพาณิชยกรรม จำนวน 5 ห้องชุด มูลค่าประเมิน 845,060,375 บาท โดย ผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน เป็นของบริษัท และ 3. ที่ดินเปล่าจำนวน 1 แปลง ตั้งอยู่ที่ถนนเลียบคลองชลประทาน แยกจากถนนสายเชียงใหม่-ฮอด (ทล. 108) ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (ผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน : นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ) มูลค่าประเมิน 1,740,000 บาท อีกทั้ง ทรัพย์สินที่นำมาจำนองนี้จะขึ้นอยู่กับมูลคำหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายได้ โดยมีมูลค่าหลักประกันของทรัพย์สินที่จำนองต้องไม่ต่ำกว่า 1.20 เท่า ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายได้ในครั้งนี้
“โดยวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำเงินที่ได้เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการชำระหนี้สถาบันการเงิน และชำระหนี้หุ้นกู้ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนส่วนในกรณีที่เสนอขายหุ้นกู้ได้ไม่ครบตามจำนวนนั้น ซึ่งจำนวนเงินที่ใช้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เสนอขายได้ ทั้งนี้ หุ้นกู้ SA ทุกรุ่นที่ผ่านมาบริษัท สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยได้ครบถ้วนและตรงตามกำหนดทุกรุ่น
ขณะเดียวกันเงินที่ได้รับจากการระดมทุนทุกครั้งได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และบริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน รวมถึงมั่นใจว่าจะสามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้” นายขจรศิษฐ์ กล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ SA สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ผู้จัดจำหน่าย 9 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 บริษัทคาดการณ์ว่ามีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดโอนโครงการ Landmark @ MRTA Station จากปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) โครงการนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท
ขณะที่ประกอบกับบริษัทเปิดดำเนินการโรงแรมแห่งใหม่อีก 1 แห่ง คือ Tribe Living Bangkok Sukhumvit 39 ซึ่งจะให้บริการห้องพักรวมถึงเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์จำนวน 272 ห้อง ด้วยห้องระดับพรีเมียมที่มีขนาดกว้างขวางเหมาะสำหรับการเข้าพักจึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย
อนึ่งบริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน โดยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายประเภทโครงการคอนโดมิเนียม รวมทั้งสิ้น 21 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 58,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท (โดยโครงการที่ปิดการขายแล้วมีจำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ)
นอกจากนี้ บริษัทประกอบธุรกิจเพิ่มเติมอีก 7 ประเภท เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และมุ่งสร้างรายได้ประจำและต่อเนื่อง (Recurring Income) อาทิ 1.ธุรกิจโรงแรม, 2.ธุรกิจพื้นที่พาณิชย์เพื่อการเช่า, 3.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, 4.ธุรกิจ Spa&Wellness, 5.ธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย, 6.ธุรกิจการเงินและการลงทุน และ 7.ธุรกิจบริหารนิติบุคคล