ก.ล.ต. เปิดเฮียริ่งเกณฑ์รองรับ “SME – Startup” ออก-เสนอขาย “ตราสารหนี้ยั่งยืน”
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็น ปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เพื่อรองรับการออกและเสนอขายผ่านคราวด์ฟันดิง และการเสนอขายในวงจำกัดสำหรับธุรกิจ SME และ Startup ตั้งแต่วันนี้ – 16 ม.ค. 67
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เพื่อเปิดโอกาสให้กิจการทุกขนาด รวมทั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถระดมทุนผ่านตราสารประเภทนี้ได้ ผ่านช่องทางคราวด์ฟันดิง (crowdfunding) และการเสนอขายในวงจำกัด
รวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับตราสารกลุ่มความยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกลับมาตรฐานสากล โปร่งใส ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจและเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยได้เปิดรับฟังความเห็นและจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น (focus group) จากผู้เกี่ยวข้องเมื่อช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2566 ซึ่งผู้ให้ความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่เสนอ และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
โดยก.ล.ต. ได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับมาประกอบการพิจารณายกร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง เช่น (1) การขยายเกณฑ์การเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพสำหรับบริษัทจำกัด (PP-SME) ให้รองรับการออกและเสนอขายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (social bond) หรือตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond)
(2) การกำหนดหน้าที่ของผู้ออกตราสาร (issuer) ในการเปิดเผยข้อมูลและการรายงานต่อผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงภาระของ issuer ที่เสนอขายในวงจำกัด เพื่อส่งเสริมการระดมทุนให้กับ SME และ Startup รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน ให้สามารถเร่งปรับตัวและมีส่วนร่วมกับการพัฒนาธุรกิจในมิติความยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อกลยุทธ์และการประกอบธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ทั้งนี้ ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศดังกล่าว โดยเผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=958 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] จนถึงวันที่ 16 มกราคม 2567