โบรกมองธุรกิจ “อีวี” ปี 67 โตต่อเนื่อง ชู AH-SAT ดันยอดผลิตชิ้นส่วนพุ่ง
“หลักทรัพย์ บัวหลวง” มองธุรกิจ “รถยนต์ไฟฟ้า” โตต่อเนื่อง คาดมีแนวโน้มเพิ่มกำลังผลิต “อีวี” เพื่อจำหน่ายในประเทศ พร้อม ชู AH – SAT รับอนิสงส์ผลิตชิ้นส่วน
บริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (26 ธ.ค. 66) ว่าแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2567 ยังมีแรงกดดันหลายปัจจัย อาทิ ภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่สูงในหลายประเทศที่กำลังกดดันความต้องการรถยนต์ใหม่
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าแนวโน้มส่งออกภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2566 จะมีการเติบโตประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปี และอาจปรับตัวลดลงในปี 2567
ทั้งนี้ทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์ มองว่าความต้องการภายในประเทศยังทรงตัวและไม่น่าตื่นเต้น อันเนื่องมาจากปัจจัยมาตรการการอนุมัติทางการเงินของสินเชื่อเช่าซื้อที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากความรุนแรงขึ้นของยอดขาย EV ที่นำเข้าทั้งคัน (CBU) และมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยคาดการณ์ว่าการผลิตและขายในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2567 ซึ่งมีแรงหนุนมาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อาจส่งผลให้ภาคการผลิต และจำหน่วยรถยนต์ในประเทศฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกับก่อนเกิดโควิด-19 คือในปี 2562 รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เคยเข้าร่วมโครงการรถคันแรกในปี 2555-2556 ของรัฐบาลชุดเก่ามีแนวโน้มจะเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ในปี 2567
เงินอุดหนุนจากภาครัฐอาจถึงจุดพีคแล้ว เนื่องจากนโยบายเปลี่ยนจาก EV3.0 ไปเป็น EV3.5 แต่ในประเทศเยอรมนีเมื่อดูตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน กำรใช้รถยนต์ไฟฟ้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็ว แม้ว่ำภำครัฐจะตัดเงินอุดหนุนอย่ำงมำกเมื่อต้นปีก็ตำม
ดังนั้นภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็น 12.5% ของยอดขายเดือนตุลาคม 2566 จะมีสัดส่วน 9.6% ของยอดขายโดยรวมในปี 2566 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นการเพิ่มขึ้นของสถานีซาร์จและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชของโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนเป็นเจ้าของในประเทศไทยจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอาจเริ่มหาผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย อย่าง บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH และ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ที่อาจได้อานิสงส์อุตสาหกรรม