TSE คว้างาน กกพ. 7 โครงการ 88.66 MW พ่วงขายเงินลงทุน “โอนิโกเบ” บุ๊กเงิน 3.4 พันล้าน

TSE คว้างาน "กกพ." รวม 7 โครงการ กำลังผลิต 88.66 MW ขายไฟ "กฟภ." ยาว 25 ปี พ่วงขายเงินลงทุน "โอนิโกเบ" มูลค่า 3.4 พันล้าน คาดสามารถบุ๊กรายได้เข้ามาในไตรมาส 4/66


บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรับซื้อไฟฟ้าตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FIT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 นั้น

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทได้ยื่นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขตามระเบียบดังกล่าวและได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน จำนวนทั้งสิ้น 7 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 88.66 เมกะวัตต์ สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี

โดยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FT) เท่ากับ 2.1679 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตลอดอายุสัญญา และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน มีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FT) เท่ากับ 2.8331 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตลอดอายุสัญญา มีมูลค่าการลงทุนรวมจำนวนทั้งสิ้น 4,289 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงทนตั้งแต่ปี 2566 – 2572 รายละเอียด ดังนี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติให้บริษัท Onikoube Solar Power PTE. LTD. (OSP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯจำหน่ายสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 100 ของบริษัท PurpleSol G.K. (PPS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่มีกำลังการผลิตเสนอขาย 133.63 เมกะวัตต์ (โครงการโอนิโกเบ) ให้แก่บริษัท Amun Godo Kaisha (Amun GK) ซึ่งมิใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ คิดเป็นมูลค่าการขายจำนวน 13.915 ล้านเยน หรือคิดเป็น 3,434 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เท่ากับ 1 เยน : 0.2468 บาท)

อีกทั้งมีมติอนุมัติมอบอำนาจให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ ดำเนินการเข้าทำรายการจำหน่ายไป โดยมีอำนาจในการลงนามสัญญาและพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ และติดตามผลให้เป็นไปตามสัญญาที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดถึงการลงนามสัญญาหรือเอกสารอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้องจนเสร็จการ

ทั้งนี้การเข้าทำรายการขายสัดส่วนการลงทุนใน PPS ดังกล่าวบรรลุผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 27 ธันวาคม 2566 และมีผลทำให้ PPS ไม่มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ อีกต่อไป

Back to top button