คัด 4 หุ้นเกษตร รับราคา “หมู-ไก่” ฟื้นปี 67 ชู CPF ท็อปพิก!

“บล.บัวหลวง” คาดแนวโน้มธุรกิจ “ปศุสัตว์ไทย” เพิ่มขึ้นในปี 67 รับราคาเนื้อสัตว์ฟื้น ช่วงเทศกาล เอลนีโญ่ และลักลอบหมูเถื่อนลด! คัด 4 หุ้นกลุ่มเกษตรและอาหารน่าลงทุน ท็อปพิก CPF คาดกำไรแตะ 2 พันล้านบาท รับราคาหมู-ไก่ฟื้น


บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (26 ธ.ค. 66) คาดการณ์ว่าอัตรากำไรของธุรกิจปศุสัตว์ไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567 มีปัจจัยหนุนจากราคาปศุสัตว์ไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยประเมินราคาหมูมีชีวิตของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% จากจุดต่ำสุดของปี 2566 ที่ 57 บาท/กก. (16-23 ต.ค.66) ขึ้นมาอยู่ที่ 66 บาท/กก. (6-8 ธ.ค. 66) ขณะที่ราคาไก่มีชีวิตของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน 8% จาก 37.25 บาท/กก. (4-29 ต.ค. 66) มาอยู่ที่ 40.25 บาท/กก. (7-8 ธ.ค. 66)

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าราคาหมูมีชีวิตของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปที่ 75-80 บาท/กก. และราคาไก่มีชีวิตของไทยกลับไปที่ 40-44 บาท/กก. ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

โดยมีปัจจัยหนุนจากช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่จะเกิดขึ้น ผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ที่รุนแรงซึ่งจะส่งผลให้สภาพอากาศร้อนกว่าปกติ (ส่งผลต่ออุปทานเนื้อสัตว์ให้ปรับตัวลดลง) และการลักลอบนำเข้าหมูผิดกฎหมายที่คาดการณ์ว่าจะลดลงอย่างมากในปีหน้า อีกทั้งประเมินราคาหมูมีชีวิตของไทยเฉลี่ยสำหรับในปี 2567 ที่ 80 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และราคาไก่มีชีวิตของไทยเฉลี่ยในปี 2567 ที่ 42.5 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังประเมินว่าต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมมีแนวโน้มลดลงประมาณ 10% ในปีหน้า

สำหรับปรากฎการณ์เอลนีโญ่ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ “ระดับความแรงปานกลาง” และจะส่งผลให้สภาพอากาศในหน้าร้อนของประเทศไทยร้อนกว่าปกติในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติจะยิ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออุปทานเนื้อสัตว์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันอุปทานเนื้อสัตว์บกในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ให้ตึงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าช่วงภาวะปกติ และส่งผลให้ราคาปศุสัตว์ไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ราคาข้าวโพดในประเทศสำหรับปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 10 บาท /กก. ลดลง 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และประเมินราคากากถั่วเหลืองในประเทศเฉลี่ยสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 20 บาท/กก. ลดลง 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากราคาเฉลี่ยที่ 22.40 บาท/กก. ในปี 2566

จากประเด็นดังกล่าวฝ่ายนักวิเคราะห์จึงเลือก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นตัวเลือกสำหรับการลงทุนอันดับแรกในกลุ่มเกษตรและอาหาร เนื่องจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่จะพลิกกลับไปเป็นกำไรสุทธิสำหรับในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาเนื้อสัตว์บกที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสำหรับทั้งในประเทศไทย จีน และเวียดนาม บวกกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง และการพลิกกลับเป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (จาก HyLife บริษัทร่วมทุนในแคนาดาที่พลิกเป็นส่วนแบ่งกำไร ส่วนแบ่งขาดทุนจาก CTI บริษัทย่อยในจีนที่คาดว่าจะลดลง และส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่คาดหวังว่ายังคงเติบโตแข็งแกร่ง)

นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสำหรับการลงทุนอันดับที่สองในกลุ่มเกษตรและอาหาร อย่าง บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG, บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG และ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT

อย่างไรก็ตามมุมมองการฟื้นตัวของผลประกอบการหลักในปี 2567 คาดการณ์ว่า CPF จะมีการฟื้นตัวมากที่สุดจากการพลิกกลับไปเป็นประมาณการกำไร 2 พันล้านบาทในปี 2567 ตามมาด้วย BTG จากการพลิกกลับไปเป็นประมาณการกำไร 1.96 พันล้านบาทในปี 2567 และ TFG คาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 1.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 656% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ GFPT คาดการณ์กำไรหลักปี 2567 ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

Back to top button