“กรภัทร” แนะเก็งกำไร 3 หุ้น รับดอกเบี้ยขาลง
“กรภัทร วรเชษฐ์” ประเมิน SET แกว่งตัวไซด์เวย์อัพเล็กน้อย ตอบรับภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว แนะนำเก็งกำไรหุ้นภาคบริการอานิสงส์วงจรดอกเบี้ยขาลง นำโดย MINT- MTC-HMPRO รับมาตรการ Easy E-Receipt โดยให้กรอบดัชนีแนวรับที่ 1,420 จุด และแนวต้านที่ 1,436-1,440 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (4 ม.ค. 66) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง หรือบวกได้เล็กน้อย หลังจากปรับตัวลงหนักเมื่อปีที่ผ่านมา รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น โดยให้กรอบดัชนีแนวรับที่ 1,420 จุด และแนวต้านที่ 1,436-1,440 จุด
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นภาพลบเล็กๆ หลังจากการรายงานประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Minutes) เป็นแรงกดดันของตลาด หลัง Fed watch Tool บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ว่า ดอกเบี้ยนโยบายจะลงถึง 6 ครั้ง สวนทางการรายงานของเฟดที่จะลงดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้ง ส่งผลให้เกิดแรงเทขายของนักลงทุน ทำให้ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 ปรับตัวลงอย่างละ 1% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี มีแรงซื้อกลับเข้ามาอยู่ที่ 3.9 บ่งชี้ว่าตลาดคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย มากกว่าที่ dot plots show รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าในระยะกลาง
ส่วนความตึงเครียดทะเลแดง เป็นจิตวิทยาลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หากสงครามบานปลายไประดับนานาชาติ แต่คาดการณ์ว่ายังไม่ลุกลามในระยะสั้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาประคองตลาดได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรหุ้นภาคบริการที่ได้รับอานิสงส์จากวงจรดอกเบี้ยปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เป็นหุ้นที่น่าสนใจ, กลุ่มไฟแนนซ์ คือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC โดยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในระดับ Out Perform หลังปีนี้เป็นปีที่ยีลด์ปรับตัวลงมา ประกอบกับรับแรงซื้อจากต่างชาติ ทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยสูงเกินไป โดยคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวลงอีกครั้งในไตรมาส 2/2567
รวมถึงหุ้นค้าปลีก ตอบรับมาตรการ “Easy E-Receipt” เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2567 โดยตัวที่มีใบเสร็จต่อยอดบิลสูงสุด คือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO โดยเป็นปีนี้จะเป็นปีที่โฮมโปรมีกำไรเติบโตได้ถึงเลขสองหลัก และให้มูลค่าพื้นฐาน 16.40 บาท
“ความคาดหวังต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำมาก และส่วนใหญ่คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจโตต่ำกว่า 3% บ่งชี้ว่าอาจจะมี positive surprise เข้ามาได้ หากโมเมนตัมกลับมา กองทุน LTF เข้ามา จะทำให้ SET มีโอกาสรับตัวขึ้นได้ไตรมาส 1/2567” นายกรภัทร กล่าวทิ้งท้าย