ส่อง 22 หุ้นรับประโยชน์ “เงินเฟ้อไทย” ธ.ค. หดตัว 0.83%

“บล.เอเซีย พลัส” คัด 5 กลุ่ม 22 หุ้นเด่น อานิสงส์เงินเฟ้อเดือนธ.ค. 66 หดตัว 0.83% ต่ำสุดรอบ 34 เดือน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (5 ม.ค. 67) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือน ธ.ค. 66 อยู่ที่ 106.96 ลดลง 0.83% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน จากตลาดคาดการณ์ว่าจะติดลบ 0.35-0.40% ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานในปี 66 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.23%

โดยเป็นการหดตัวต่ำสุดในรอบ 34 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 64 ซึ่งเงินเฟ้อยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 มีปัจจัยสำคัญมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า ตามนโยบายลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานของรัฐบาล รวมทั้งเนื้อสัตว์และเครื่องประกอบอาหารที่ราคาลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผักสดราคาลดลงค่อนข้างมาก สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน สูงขึ้น 0.58% เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้ลองทำ Sensitivity Analysis เพื่อหาอัตราการเพิ่มของ CPI ที่จะทำให้เงินเฟ้อขึ้นไปแตะกรอบบนที่ 3% พบว่า ต้องเห็นการเพิ่มขึ้นของ CPI ในอัตรา 0.3% จากเดือนก่อนหน้า จึงจะทำให้เงินเฟ้อปลายปี 2567 แตะระดับ 3% ซึ่งประเมินจากปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอยู่น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก หากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ เชื่อว่าจะเปิดทางให้ กนง. สามารถดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายได้เมื่อถึงเวลาอันควร

ดังนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้รวบรวมหุ้นได้ประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยแยกออกเป็น 5 กลุ่ม มีจำนวน 22 หุ้น ได้แก่

  1. กลุ่มค้าปลีก อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI และ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO
  2. กลุ่มอาหารและสินค้าความงาม อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU, บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN, บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU, บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD และบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA
  3. กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
  4. กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI
  5. กลุ่มเช่าซื้อ อาทิ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD
Back to top button