WTI ปิดร่วง 4% หลุด 71 เหรียญ หลังซาอุฯลดราคาน้ำมัน-โอเปกเพิ่มผลิต
น้ำมัน WTI ปิดร่วง 4% หลุด 71 เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันครั้งใหญ่ให้แก่ตลาดเอเชีย พ่วงโอเปกปรับเพิ่มการผลิต สู่ระดับ 27.88 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้นักลงทุนกังวลอุปสงค์อ่อนแอ-น้ำมันล้นตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันจันทร์ (8 ม.ค.67) หลังจากซาอุดีอาระเบียได้ประกาศลดราคาน้ำมันครั้งใหญ่ และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับเพิ่มการผลิต ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ และภาวะน้ำมันล้นตลาด
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. 67 ลดลง 3.04 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน มี.ค. 67 ลดลง 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 76.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ ราคาน้ำมันที่ร่วงลง หลังจากซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศปรับลดราคาน้ำมันดิบ Arab Light ที่จำหน่ายให้แก่ตลาดเอเชีย และมีกำหนดส่งมอบในเดือน ก.พ. 67 ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 27 เดือน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาด ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างผู้ส่งออกน้ำมัน ทั้งนี้ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 70,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 27.88 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ธ.ค. 66
ด้านนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดมีรายงานว่านายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้จัดการประชุมร่วมกับผู้นำชาติอาหรับเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้สงครามในฉนวนกาซาลุกลามเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ ตลาดยังติดตามผลกระทบของการปิดบ่อน้ำมันในลิเบีย หลังจากมีรายงานว่าบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ที่บ่อน้ำมันชารารา (Sharara) หลังจากลิเบียปิดบ่อน้ำมันแห่งนี้เนื่องจากประสบปัญหาการประท้วงของคนงาน โดยบ่อน้ำมันชารารามีกำลังการผลิตสูงถึง 300,000 บาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ