LEO ปักธงรายได้ปีนี้โต 20% จ่อปิดดีลใหญ่ Q1 ขยายขนส่งทางรางเต็มสูบ
LEO เตรียมปิดดีลใหญ่ไตรมาส 1/66 หวังดันรายได้ปีนี้เติบโต 20% ตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้าขยายการขนส่งทางรางเต็มสูบ รวมถึง ธุรกิจ EV Truck คาดชัดเจนภายในปีนี้
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% โดยในช่วงไตรมาส 1/67 คาดการณ์ว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องการเข้าซื้อกิจการ หรือ การร่วมทุน ซึ่งหากเป็นไปตามแผนก็คาดว่าจะสนับสนุนให้บริษัททำผลงานได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้
โดยบริษัทยังมุ่งเน้นในการทำธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงการค้าข้ามแดน (Cross Bordor) ซึ่งมีแผนที่จะขยายการขนส่งผ่านรถไฟในประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจ EV Truck ปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจาเรื่องรถกับทาง NEX คาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นได้ราว 50 คันภายในปีนี้
สำหรับผลประกอบการในงวดปี 66 บริษัทคาดการณ์ว่าจะแจ้งออกมาในวันที่ 27 ก.พ.66 พร้อมมองว่าบริษัทผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่ดี ยังไม่มีแผนเพิ่มทุนใหม่ และมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำระดับราว 1.5 เท่า ส่วนเรื่องปันผลต้องรอขออนุมัติจากที่ประชุมอีกครั้ง โดยบริษัทมีเกณฑ์ในการจ่ายปันผล 40% จากกำไรสุทธิ
อนึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท ล้านช้าง เอ็กซ์เพรส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง LEO บริษัท ศรีตรัง โลจิสติกส์ จำกัด และบริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด ได้รับความไว้วางใจจาก “CRCT Asean International Logistics Sole Co., Ltd.” บริษัทรัฐวิสาหกิจอันดับต้นๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองปักกิ่ง เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรางจำนวน 32 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยเป็นการให้บริการขนส่งแบบรางต่อราง (Rail to Rail)
สำหรับการขนส่งทางรางในครั้งนี้ ทั้งสององค์กรได้มีการจัดการเปลี่ยนถ่ายตู้สินค้าระหว่างรถไฟจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกับรถไฟจากประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามเวลาที่กำหนด ตั้งแต่ประเทศต้นทาง ผ่าน สาธารณรัฐประชาชนจีน, สปป.ลาว และประเทศไทย ข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 ผ่านด่านศุลกากรหนองคาย ประเทศไทย ซึ่งในการขนส่งทางรางขบวนสินค้าขบวนนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบสองปี ของการเปิดเดินขบวนโครงการเส้นทางรถไฟ ลาว-จีน (Laos China Railway) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา
โดยการขนส่งสินค้าทางรางครั้งนี้ ยังได้ร่วมปฏิบัติงานกับองค์กรใน สปป.ลาว คือ “LAO Nation Railway Co., Ltd. – LNR” และ “Houng Ah Loun Logistics Co., Ltd. – HAL” ในขอบข่ายการประสานงานทั้งเรื่องพิธีการศุลกากร การประสานงานนำขบวนรถไฟของจีนเข้ามายังพื้นที่เปลี่ยนถ่ายตู้สินค้า และการให้บริการขนถ่ายตู้สินค้าระหว่างขบวนรถไฟจีนกับขบวนรถไฟไทยบริเวณพื้นที่เปลี่ยนถ่ายตู้สินค้าทางราง (Rail to Rail) ซึ่งเป็นไปด้วยความรวดเร็วใช้ระยะเวลาเฉลี่ยในการขนถ่ายเพียง 2 นาทีต่อตู้สินค้า
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับอีกหนึ่งพันธมิตรทางธุรกิจ “SCGJWD LOGISTICS PCL.” ในการบริหารการจัดส่งสินค้าทางถนน โดยรถบรรทุกขนส่งพลังงานไฟฟ้า Electric Vehicle Truck (EV Truck)
อีกทั้ง ยังได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลเพื่อรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions Freight Operating) โดยสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน, วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อ้างอิงข้อกำหนดมาตรฐาน ISO14067 ใช้เป็นแนวทางการวัดค่าและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ของกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (Green Logistics) อีกด้วย