“อินโนบิก” เครือปตท. ขายหุ้น Adalvo รุกตลาด “ผลิตภัณฑ์ยา” อาเซียน
กลุ่ม ปตท. “อินโนบิก” ขายหุ้นทั้งหมดใน Adalvo ให้กับ “กลุ่มแอซทีค” ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก เดินหน้าขยายตลาดธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาในไทยและอาเซียน คาดธุรกรรมเสร็จไตรมาส 1/67
บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือหุ้น 100% และ แอซทีค ฟาร์มา พาร์ทเนอร์ (Aztiq Pharma Partner : Aztiq) ลงนามสัญญาจำหน่ายหุ้น 100% ใน บริษัท อดัลโว จำกัด (Adalvo Ltd. : Adalvo) ให้กับบริษัทในกลุ่ม Aztiq โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก เพื่อต่อยอดธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในทวีปยุโรป การทำธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2567
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน PTT และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา อินโนบิกได้ร่วมกับ Aztiq เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท อัลโวเจน อีเมอร์จิง มาร์เก็ต โฮลดิ้ง จำกัด (Alvogen Emerging Markets Holdings Limited : AEMH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก (41%) ของ บริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Company Limited : Lotus) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน และถือหุ้น 100% ของ Adalvo เพื่อเป็นเรือธงสำคัญในการดำเนินธุรกิจยาและขับเคลื่อนธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต กลุ่ม ปตท. โดย Lotus เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจยาสามัญชั้นนำแบบมีนวัตกรรม ดำเนินธุรกิจยาแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การคิดค้น พัฒนา (R&D) การผลิต (Manufacturing) และการจัดจำหน่าย (Commercialization) ขณะที่ Adalvo มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจยาแบบ Business-to-Business (B2B) มุ่งเน้นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Out Licensing) และจัดจำหน่าย (Commercialization) ผลิตภัณฑ์ยาในทวีปยุโรป
สำหรับการจำหน่ายหุ้น Adalvo ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนการทำธุรกิจ โดยอินโนบิกยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ Adalvo เน้นการทำธุรกิจในทวีปยุโรปเป็นหลัก และยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีกับ Lotus จึงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของ Lotus และอินโนบิกแต่อย่างใด
“ปัจจุบันราคาหุ้น Lotus ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่า นับตั้งแต่อินโนบิกได้เข้าลงทุน ประกอบกับรายได้ของ Lotus ที่ผ่านมาอยู่ในระดับดี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) มากกว่า 20% จากการขยายพอร์ตของตัวยาที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะยาที่มีมูลค่าตลาดสูงติดอันดับโลก อาทิ ยารักษาโรคมะเร็ง และเข้าตลาดอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน พร้อมทั้ง ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นทั่วโลก ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจยาระดับโลกหลายราย ขณะที่ Adalvo เป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่ดี มีมูลค่าของกิจการประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงเป็นโอกาสดีที่อินโนบิกจะนำเงินลงทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ มาขยายการลงทุนและต่อยอดการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ของบริษัทต่อไป รวมถึงเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และเทคโนโลยีโลก สร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยและภูมิภาค” ดร. บุรณิน กล่าวตอนท้าย