TRP ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โต 15% ยกระดับธุรกิจ “เสริมความงาม” เป็นซอฟต์เพาเวอร์

TRP ส่งซิกปี 67 แนวโน้มสดใส มุ่งรักษาฐานลูกเดิม-ใหม่ มองหาพันธมิตรจ่อปิดดีลพาร์ทเนอร์ 1-2 เจ้าในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% พร้อมยกระดับธุรกิจเสริมความงามเป็นซอฟต์เพาเวอร์ของไทย


นายแพทย์คงศักดิ์ เตชะวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRPเปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ธีรพรคลินิกเป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีลูกค้าคนไทยในประเทศเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีลูกค้าคนไทยที่อยู่ต่างประเทศบินเข้ามาทำศัลยกรรมมากขึ้น

ขณะที่ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯยังคงรักษาฐานลูกค้าได้ดี รวมถึงได้พันธมิตรเชิงธุรกิจเข้ามาสนับสนุน ทั้งในส่วนของการตลาด และการขาย ทำให้กระบวนการภายในมีการพัฒนาดี ประกอบกับรับรู้ในส่วนของแบรนด์ดิ้งซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีมาก ช่วยส่งผลดีต่อบริษัทเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2566 อยู่ที่ 200 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2566 นั้นเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องมาจากปี 2565 ในช่วงไตรมาส 4/2566 มีอัตราการทำสองหัตถการต่อหนึ่งคนสูงกว่าช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3/2566 ค่อนข้างชัดเจน

นายแพทย์คงศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับธุรกิจศัลยกรรม  (Surgery) มากขึ้นในปีนี้เนื่องจากเทรนด์ศัลยกรรมยังมาแรง โดยบริษัทมาให้ความสนใจต่อกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุ 20 ปี ซึ่งบริษัทฯได้มีการจัดแคมเปญทำตาสองชั้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลตอบรับที่ค่อนข้างดี และเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น รวมทั้งในแง่ของการตลาด และด้านการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีดีลกับพันธมิตร หรือบริษัทอื่นๆ นั้นอยู่ในช่วงการพูดคุยกัน โดยตั้งเป้าปิดดีลภานในปีนี้ให้ได้ 1-2 ดีล และสำหรับตลาดต่างประเทศ เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว นั้นในปีที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะกัมพูชา ซึ่งมีลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการการทำตาสองชั้นและสำหรับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศจะมีในส่วนของเอเจนซี่มากกว่า โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

นอกจากนี้ในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% พร้อมกับคาดหวังว่าสามารถออลไทม์ไฮในปี 2568 อย่างไรก็ดีในส่วนของการแข่งขันที่สูงของธุรกิจเสริมความงามในปัจจุบันนั้นมองว่าเป็นความท้าทายของบริษัท โดยยังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตอยู่

ขณะเดียวกันวางเป้าหมายและทิศทางในปี 2567 ไว้โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ 1) Surgery เนื่องจากฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ทำให้ทางบริษัทคาดหวังการเติบโตในระดับ 10-15% พร้อมกับการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่บริษัทมีอยู่และ 2) Non Surgeryคาดหวังการเติบโตที่ 5-10% ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลา โดยมุ่งเน้นการมองหาพาร์ทเนอร์ที่เข้ากันได้ดีกับ TRP ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ส่วนนี้จะทำให้บริษัทมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าในปี 2567 บริษัทจะมีพัฒนาการการเติบโตที่ดีของรายได้ และเห็นภาพได้ชัด ทั้งฝั่ง Surgery และ Non Surgery

นายแพทย์คงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการยกระดับธุรกิจเสริมความงามให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ของไทยนั้น มองว่าไม่ง่าย เนื่องจากการแข่งขันที่สูงของประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี ซึ่งเป็นที่นิยมในเรื่องของความงาม แต่อย่างไรก็ตามบริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพของแพทย์ไทย ประกอบกับราคาที่เหมาะสมซึ่งเป็นจุดเด่นของไทย โดยสิ่งสำคัญคือการเลือกตลาดที่เหมาะสม และการพัฒนานวัตกรรมของคนไทย

โดยการที่จะผลักดันการเสริมความงามในไทยให้เป็นจุดแข็งแกร่งได้นั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยการสนับสนุนจากภาครัฐ และการร่วมมือของผู้ประกอบการ

โดยมองเทรนด์ตลาด และการเติบโตของธุรกิจการเสริมความงาม ทั้งฝั่งศัลยกรรม และไม่ศัลยกรรมว่ามีการเติบโตอย่างแน่นอน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป มีการใส่ใจตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองทั้งภายใน และภายนอก โดยมองว่าในอนาคตตลาดจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ 1) Health และ 2) Beautyซึ่งมองว่าเทรนด์ความงามในระยะยาวมีโอกาสเติบโตอย่างแน่นอน แต่ต้องเกาะเทรนด์ตามผู้บริโภคให้ได้ หรือสร้างเทรนด์ขึ้นมาเองอย่างที่เกาหลีทำ ทั้งนี้ บริษัทมุ่งที่จะเป็นผู้นำด้านศัลกรรมตกแต่งความงามบนใบหน้า และเป็นผู้นำเทรนด์ต่างๆ

Back to top button