“โกลเบล็ก” คัด 19 หุ้นเด่น พื้นฐานดี-Easy E-Receipt หนุน

“บล.โกลเบล็ก” ประเมินหุ้นไทยเดือนแรกปี 67 แกว่งไซด์เวย์ อานิสงส์โครงการ Easy E-Receipt แนะจับตาความผันผวน “บอนด์ยีลด์สหรัฐ” และหุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนไทย โดยให้กรอบดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุน 19 หุ้นเด่นพื้นฐานดี-นโยบาย Easy E-Receipt หนุน


นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่าประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมกราคม 2567 ว่าดัชนีแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้างคาดกรอบดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด โดยมีแรงหนุนจากมาตรการ Easy E-Receipt ของภาครัฐ ขณะที่มีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นและปัจจัยในประเทศมีประเด็นกังวลการ Roll Over หุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ

ทั้งนี้การที่ ADP เปิดเผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง ในเดือนธ.ค. 66 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 130,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนปรับลดคาดการณ์ที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดย FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุน 54% คาดการณ์ว่า (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค 67 ลดจาก 73% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศ กระทรวงคมนาคมเตรียมพร้อมจัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยวและสายการบินเต็มที่ โดยคาดการณ์ว่าในปี 67 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 8 ล้านคน ฟื้นตัว 75% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า และด้านการค้าโลกในปี 67 มีแนวโน้มฟื้นตัว 3.3% จาก 0.8% ในปี 66 สนับสนุนสภาผู้ส่งออกคาดแนวโน้มการส่งออกในปี 67 พลิกเติบโตได้ 1-2% จากหดตัว 1% ในปี 66

อีกทั้งทางกรมสรรพสามิตเตรียมผลักดัน 4 มาตรการภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมออกมาภายในปีนี้ในการสนับสนุนการใช้แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเก็บภาษีคาร์บอนจากน้ำมันเบนซินและดีเซล ภาษีส่งเสริมการใช้ไบโอพลาสติก และมาตรการภาษีเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยลบต่างประเทศจากเศรษฐกิจจีนส่อแววชะลอตัวหลังจงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป (Zhongzhi Enterprise Group Co.) ธนาคารเงายักษ์ใหญ่ของจีนยื่นล้มละลายต่อศาล โดยบริษัทมีหนี้สินอยู่สูงถึง 4.6 แสนล้านหยวน (ราว 6.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ส่วนด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ อาทิ ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ หลังจากเกาหลีใต้สั่งการให้ประชาชนบนเกาะยอนพยองอพยพหลังเกาหลีเหนือส่งสัญญาณยั่วยุทางทหาร รวมไปถึงสถานการณ์สหรัฐ-จีน-ไต้หวัน ซึ่งจีนสั่งคว่ำบาตรบริษัทผลิตอาวุธของสหรัฐฯ 5 แห่งหลังขายอาวุธให้กับไต้หวัน

ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 67 วาระแรก กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก, สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแถลงสรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยปี 66 และแนวโน้มในปี 2567 และการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นเด่นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในระยะยาว ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

อีกทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Easy E-Receipt : บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW, บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ JMART, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ HMPRO, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME,

รวมไปถึง บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU, บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP และ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK

นอกจากนี้ทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประเมินราคาทองเดือนม.ค. 67 โดยยังคงแนะนำจับตาอัตราเงินเฟ้อสหรัฐและผลการประชุม คณะกรรมการตลาดเสรีกลาง (FOMC) ช่วงปลายเดือนและหากส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยคาดการณ์เป็นแรงหนุนราคาทองคำต่อเนื่อง

ทั้งนี้หลังจากเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideway up โดยได้แรงหนุนจากผลการประชุม FOMC ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% อีกทั้งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นจากไตรมาส 2/2567 เป็นช่วงปลายไตรมาส 1/2567 โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องรวมถึงแนวโน้มดัชนีดอลลาร์ยังอ่อนตัวลง คาดหนุนราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบ 2,015-2,085 เหรียญ/ออนซ์ คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้

Back to top button