“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้น “รับเหมา” รับ ครม.เคาะงบฯปี 68 วงเงิน 3.6 ล้านลบ.

“บล.โกลเบล็ก” ประเมินหุ้นไทยเดือนแรกปี 67 แกว่งตัวไซด์เวย์ หลังตลาดลดน้ำหนักเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 - 20 มี.ค. 67 เหลือ 70% ขณะที่ในประเทศยังขาดปัจจัยใหม่ ให้กรอบดัชนี 1,390-1,440 จุด ชู 4 หุ้นเด่น รับอานิสงส์กรอบงบประมาณรายจ่ายปี 68 วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท


นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ต่ำกว่าตลาดคาด ส่งผลให้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักเหลือ 70% ที่ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. จาก 79.5% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  ขณะที่ในประเทศยังขาดปัจจัยใหม่หนุนแถมมีประเด็นลบจากการเลื่อนประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,390-1,440 จุด

โดยการที่ดัชนี ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนปรับตัวลงสะท้อนให้เห็นว่ายังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืดขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้แม้ว่ารัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้งแล้ว และล่าสุดทางแบงก์ชาติจีนคงดอกเบี้ยนโยบาย 2.50% สวนทางตลาดคาดการณ์ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ต่อกรณีที่สหรัฐและสหราชอาณาจักรทำการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายต่าง ๆ ของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน เพื่อตอบโต้ต่อการที่กลุ่มกบฏฮูตีโจมตีเรือพาณิชย์ซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จนส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในทะเลแดง

ทั้งนี้ในส่วนของมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1-12 ม.ค. 67 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,319.49 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 6,325.87 ล้านบาท รวมถึงบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,346.79 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 6,298.57 ล้านบาท

อีกทั้งปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ วันที่ 15-19 ม.ค. คือ หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินปี 66, วันที่ 17 ม.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และปัจจัยต่างประเทศวันนี้ (17 ม.ค.), จีนรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/66, อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค., สหรัฐรายงานยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.วันที่ 18 ม.ค.,

ขณะที่จีนรายงานยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนธ.ค., ญี่ปุ่นรายงานยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. อียูรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค. ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 19 ม.ค. ญี่ปุ่นรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากครม.เคาะกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 68 วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท โดยหุ้นที่ได้รับอานิสงส์คือกลุ่มรับเหมา ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ STEC บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL และบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ

นอกจากนี้ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประเมินราคาทองประเมินราคาทองคำสัปดาห์นี้ยังคงต้องจับตาประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐและ Fed watch tool หากตลาดปรับเพิ่มโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำโดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าระหว่างสัปดาห์ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย คาดราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบ 2,000-2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คำแนะนำเก็งกำไรในกรอบที่ให้ไว้

Back to top button