ก.ล.ต. กล่าวโทษ 4 อดีตบอร์ด AJD ปมยักยอกทรัพย์ 145 ล้านบาท

ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร AJD รวม 4 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ปมทุจริตร่วมกันยักยอกเบียดบังเงินบริษัททำให้เสียหายกว่า 145 ล้านบาท


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากกรณีการสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ว่าในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 นายอมร มีมะโน (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ AJD) และนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและกรรมการของ AJD)

โดยได้ร่วมกันตัดสินใจ อนุมัติและลงนามในเช็คเพื่อสั่งจ่ายเงินของ AJD จำนวน 145 ล้านบาท ระบุชื่อผู้รับเงินคือ วินซาวด์ (ไทย) โดยอ้างว่าเป็นค่ามัดจำในการสั่งซื้อสินค้า Set Top Box จากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศจีนแต่จากการตรวจสอบไม่พบการจ่ายค่ามัดจำสินค้าให้แก่บริษัทในประเทศจีนแต่อย่างใด

ขณะที่กลับพบเงินถูกถอนหรือโอนออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารของ วินซาวด์ (ไทย) โดยธนชาต ศิริภานุเขม กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและลงนามผูกพันของวินซาวด์ (ไทย) เพื่อเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนายอมร มีมะโน และนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ รวมถึงบุคคลอื่นอีกหลายรายซึ่งมีความสัมพันธ์กับอมร มีมะโน หรือนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ

โดยการกระทำของอมร มีมะโน และนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ เป็นการกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ยักยอกเบียดบังทรัพย์สิน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองและพวกอันเป็นการเสียหายแก่บริษัท เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 และมาตรา 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยมีวินซาวด์ (ไทย) และนายธนชาต เป็นผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิด จึงเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 315 ประกอบมาตรา 307 มาตรา 308 และมาตรา 311 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษผู้กระทำผิดทั้ง 4 รายข้างต้นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากนี้การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อไป และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว

Back to top button