เปิด 6 หุ้นค้าปลีก รับกำไรโตแกร่ง โบรกชู CPN ท็อปพิก!

เปิดโผ 6 หุ้นค้าปลีก ภาคการบริโภคจะเห็นการเติบโตของกำไรเติบโตแกร่ง ชู CPN เด่นที่สุดในกลุ่มในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว กำไรคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นจากรายได้ค่าเช่า และแบ็กล็อกรายได้ที่ดิน โดยให้ราคาเป้าหมาย 85.44 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงกลุ่มค้าปลีกในตลาดหุ้นไทยที่มีผลงานต่ำกว่าตลาดในปี 2566 และคาดการณ์กำไรของแต่ละบริษัทก็ถูกปรับลดลงมาอันเนื่องมาจากการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอกว่าคาด รวมถึงการฟื้นตัวทางการท่องเที่ยวขาเข้าที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีแรงต้านในเชิงกว้าง และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง

โดยจากที่การฟื้นตัวของการบริโภคจะช้าลงกว่าคาดนั้น ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลง ซึ่งส่งผลให้ต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ลดลง 4% นอกจากนั้นแล้ว ทางฝ่ายวิจัยยังลดเป้าหมายค่า PER ลงเพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกำไรหลังหักภาษี (NPAT) ที่อ่อนตัวลง ซึ่งส่งผลให้ต้องปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกลงราว 6-19%

เมื่อมองไปข้างหน้าจากการที่ประเทศฟื้นตัวหลังโควิดและเข้าสู่ภาวะปกติ มองว่าการบริโภคในต่างจังหวัดจะฟื้นตัว รวมไปถึงค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่ลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ถึงจุดสูงสุดไปแล้วจะช่วยเป็นปัจจัยผลักดันให้ NPAT เติบโตขึ้นได้ 16% จากปี 2566 และมีความเสี่ยงดาวน์ไซด์ต่อมูลค่าในปัจจุบันที่ค่อนข้างน้อย

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวกับภาคการบริโภคจะเห็นการเติบโตของ NPAT ที่ดีขึ้น เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ที่จะเห็น NPAT สูงขึ้นจากเฉลี่ย 9% ในปี 2566 เป็น 19% ในปี 2568 โดย SSSG เฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นจาก -1% เป็น 3%

ส่วนกลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศอย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN คาดว่าจะเห็น NPAT ที่อ่อนตัวลงจาก 31% มาที่ 10% จาก SSSG ที่เติบโตช้าลง (จาก CRC) จาก 3.5% ในปี 2566 เป็น 1.5% ในปี 2567 สืบเนื่องจากยอดขายที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และการช้าตัวลงในเวียดนามซึ่งคิดเป็นรายได้ 25% ของ CRC

อย่างไรก็ดี เนื่องจากกลุ่มค้าปลีกยังขาดแรงหนุนอยู่ ทางฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้เลือกหุ้นเป็นรายตัว เช่น CPN และ CPALL ซึ่งมองว่าเป็นหุ้นท็อปพิกของกลุ่ม โดย CPN จะเด่นที่สุดในกลุ่มในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว กำไรคาดการณ์ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นจากรายได้ค่าเช่า และแบ็กล็อกรายได้ที่ดิน นอกจากนั้นแล้วคาดว่าบริษัทจะได้รับผลบวกจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน เช่นการออกไปทานอาหารข้างนอกมากขึ้น และค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่ลดลงจะเป็นตัวผลักดันให้บริษัทมีกำไร

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราคาเป้าหมายของกลุ่มจะปรับลดลงทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 64.77 บาทต่อหุ้น จากเดิม 69 บาทต่อหุ้น , CPN ให้ราคาเป้าหมาย 85.44 บาทต่อหุ้น จากเดิม 88.00 บาทต่อหุ้น, GLOBAL ให้ราคาเป้าหมาย 17.74 บาทต่อหุ้น จากเดิม 19.25 บาทต่อหุ้น และแนะนำถือ CRC ให้ราคาเป้าหมายที่ 41.73 บาทต่อหุ้น จากเดิม 48.50 บาทต่อหุ้น, CPAXT ให้ราคาเป้าหมาย 35.50 บาทต่อหุ้น จากเดิม 43.00 บาทต่อหุ้น, HMPRO ให้ราคาเป้าหมาย 13.28 บาทต่อหุ้น จากเดิม 14.70 บาทต่อหุ้น

Back to top button