“เจพีมอร์แกน” ชี้เศรษฐกิจไทยปี 67 โต 3.7% ทำนิวไฮรอบ 5 ปี
“เจพีมอร์แกน” ชี้เศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัว 3.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในรอบ 5 ปี ลุ้นหุ้นไทยรีบาวด์แตะ 1,700 จุดสิ้นปีนี้ รับมาตรการฟรีวีซ่าดึงนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียหนุน ชูกลุ่มแบงก์-ท่องเที่ยวน่าลงทุน
นายมาร์โค สุจริตกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เจพีมอร์แกนคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 67 หรือจีดีพีปีนี้ขยายตัว 3.7% ไม่นับรวมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยจีดีพีทั่วโลกครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ส่วนตลาดหุ้นไทยจะฟื้นหลังจากนี้ ซึ่งคาดการณ์สิ้นปี 67 จะอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ใกล้ 1,400 จุด เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะมีเงินทุนไหลเข้าหลังจากฐานที่ต่ำ การส่งออกและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดี รวมถึงดอกเบี้ยสหรัฐที่จะลดลง ส่วนดอกเบี้ยไทยจะลดลงช้ากว่าประเทศอื่น ทำให้เป็นโอกาสการลงทุนของต่างชาติ
ด้านดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะปรับลดลงได้ในปีนี้ 1 ครั้ง และอาจปรับลดลงเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ในครึ่งปีหลังปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อไทยเริ่มปรับลดลงมา ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท. มองว่าไม่ได้เป็นแรงกดดันมาจากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีที่มีการเรียกร้องว่าดอกเบี้ยปัจจุบันสูงเกินไป เพราะถ้าดูที่ผ่านมา ธปท. มีคณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญและไม่ได้ถูกแทรกแซงจากรัฐบาล
“เรื่องดอกเบี้ยคิดว่าแบงก์ชาติ ค่อนข้างระมัดระวัง ตอนนั้นไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยทันทีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดขึ้นดอกเบี้ย ถ้าดูย้อนหลังเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องประชาชน แต่ถ้าจะลดดอกเบี้ยก็อาจช้ากว่าคนอื่น ก็จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว” นายมาร์โค กล่าว
โดยปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทย ยังมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย ทำให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น และยังทำให้ช่วยภาคธุรกิจในไทยได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศจีนมีปัญหา ทำให้ต่างชาติไม่นำเงินไปลงทุน ส่งผลดีต่อตลาดอาเซียนและไทยที่ต่างชาติเห็นโอกาสการลงทุนตลาดนี้เพิ่ม โดยอาเซียนและไทยมีความแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่นดีขึ้น เช่น นโยบายลดภาษีไวน์ ส่งผลดีทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และต่างชาติยังรอนโยบายรัฐบาลอื่นๆ ตามมาอีก
สำหรับกลุ่มที่น่าลงทุนในตลาดหุ้นยังคงเป็นกลุ่มธนาคาร แม้ผลประกอบการล่าสุดออกมาไม่ดีนัก และกลุ่มเกี่ยวกับการบริโภค รวมถึงผูกกับภาคการท่องเที่ยว โดยยังต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เดือน พ.ย. 67 ว่าใครจะได้ จากปัจจุบันมีคะแนนเสียงว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาครองตำแหน่งนี้อีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมองว่าถ้าทรัมป์เข้ามาดีต่อตลาดสหรัฐตลอด จะดีสำหรับภาพพจน์เศรษฐกิจโลก แต่ต้องดูนโยบายทรัมป์กับเอเชีย เช่น จีน มาตรการกีดกันการค้าเป็นอย่างไร เพราะไทยเป็นตัวกลาง แต่ค่อนข้างสนิทกับจีน ไปเลือกฝ่ายไหนไม่ได้ ถ้าทรัมป์มีปฏิกิริยากับจีน จะทำให้เงินลงทุนไปสู่ตลาดอาเซียน ไทย สิงคโปร์ หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ จะได้อานิสงส์จากตรงนี้