ASIA ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โต 20% เร่งปรับโฉม “โรงแรมเอเชีย ราชเทวี” รับนักท่องเที่ยว

นายพัชรพล เตชะหรูวิจิตร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) หรือ ASIA เปิดเผยว่าในปัจจุบันบริษัทฯมีโรงแรมในมือทั้งหมด 7 แห่ง อยู่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 6 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเอเชีย ราชเทวี, โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต, โรงแรมเอเชีย ชะอำ, โรงแรมเอเชีย พัทยา และโรงแรมสาขาในจังหวัดเชียงใหม่อีก 2 แห่ง คือโรงแรมดาร์เลย์ เชียงใหม่ และโรงแรมราชพฤกษ์ลานนา บูทีค (แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้แบรนด์ ASIA)

ขณะเดียวกันยังมีโรงแรมในเครือ ASIA ที่ทางบริษัทได้เข้าไปซื้อธุรกิจผ่านแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐอเมริกาอีก 1 แห่ง คือ โรงแรม Quality Inn Long Beach-Signal Hill, CA, USA ซึ่งบริษัทได้ทำการเข้าไปบริหารเองทั้งหมด 100% และจากช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีศูนย์การค้าในเครือทั้งหมด 4 แหล่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต แหล่งรวบรวมสินค้าไอที, เดอะฮับ รังสิต , ศูนย์การค้า “ลานสุข พลาซ่า” เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ภายในตัวโรงแรม และศูนย์การค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในเรื่องของทำเลที่ตั้งนั้นค่อนข้างดีสำหรับเรื่องการบริหารและจัดการ

“ขณะเดียวกันบริษัทได้มีความพยายามที่จะปรับปรุงโรงแรมและศูนย์การค้าให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีจำนวนเยอะอยู่แล้ว แต่ในส่วนของศูนย์การค้า ปัจจุบันมีธุรกิจออนไลน์เข้ามา ส่งผลให้คนไปเดินห้างน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดแต่บริษัทฯมีการปรับปรุงและหาเป้าหมายลูกค้าต่อไป” นายพัชรพล กล่าว

นายพัชรพล กล่าวอีกว่า ในส่วนอัตราการเข้าพักของโรงแรมทั้ง 7 แห่งนั้น ค่าเฉลี่ยในปี 2566 ประมาณ 60% โดยหลักๆ แล้วมาจากการเข้าพักใน “โรงแรม ราชเทวี” อยู่ที่ 90-95% และในสัดส่วนของเมืองรองจะอยู่ที่ 40% แม้ว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ในเกณฑ์ที่สูง แต่ยังไม่คึกคักเท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด อีกทั้งก่อนหน้านี้ทีมีการปิดประเทศไปและได้มีการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งนั้นในส่วนของสาขาเมืองรองกิจการโรงแรมมีการกลับมาพีคอีกครั้งแต่เพียงระยะสั้นๆ 3 เดือนเพียงเท่านั้นและหลังจากนั้นเทรนการท่องเที่ยวก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพปกติ และจากการที่มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลก็มีส่วนช่วยให้เพิ่มอัตราการเข้าพักได้เยอะพอสมควร

ส่วนโรงแรมสาขาในสหรัฐอเมริกา บริษัทได้เข้าซื้อแฟรนไชส์ในปี 2561 แต่ถือเป็นความโชคดีเพราะในช่วงปลายปี 2562 มีการแพร่ระบาดของโควิดยาวไปจนถึงปี 2563 และได้มีการปรับปรุงรีโนเวททันทีหลังจากซื้อแฟรนไชส์มาส่งผลให้ยอดเข้าพักของโรงแรมไม่ตกลง และอัตราการเข้าพักของสาขาสหรัฐในช่วงโควิด 3 ปี อยู่ที่ 75-80% ซึ่งเป็นระดับที่เป็นที่น่าพึงพอใจในช่วงของสถานการณ์โควิด อีกทั้งสัดส่วนเข้าพักอยู่ในระดับปกติ ซึ่งเกิดจากการที่คนในโซนอเมริกานั้นถึงแม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิดแต่ยังคงใช้ชีวิตปกติ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมจึงอยู่ในระดับปกติ

“ทั้งนี้ส่วนของรายได้ในช่วงก่อนเกิดโควิด โดยคิดเป็นส่วนของโรงแรมอยู่ที่ 60% ขณะที่ส่วนของศูนย์การค้าจะอยู่ที่ประมาณ 40%” นายพัชรพล กล่าว

นายพัชรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ดีสัดส่วนของจำนวนห้องรวมทั้งหมด 6 แห่งในประเทศไทยมีประมาณ 1,700 ห้อง โดยเยอะที่สุดจะเป็นที่กรุงเทพที่มีประมาณ 600 ห้อง และโรงแรมในสหรัฐฯ มีจำนวนห้องประมาณ 74 ห้อง โดยอัตราราคาค่าห้องเฉพาะโซนกรุงเทพจะอยู่ที่ 1,500-1,600 บาท แต่ในขณะนี้ได้มีการปรับปรุงในส่วนของล็อบบี้และห้องจัดเลี้ยง “โรงแรมเอเชีย ราชเทวี” ขึ้นใหม่ ซึ่งกำลังจะแล้วเสร็จในเดือน มี.ค. 67 ส่วนของล็อบบี้คาดการณ์ว่าจะเสร็จภายในไตรมาส 2/2567

สำหรับสัดส่วนของนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการนั้นเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศกลุ่ม AEC อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา ที่เข้ามาค่อนข้างสูง ซึ่งรวมๆ แล้วสูงถึง 40-50% และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมีอัตราการเข้าพักที่ลดลงจากก่อนหน้าที่มีปริมาณสูงถึง 40% แต่ขณะนี้ลดลงเหลือเพียง 18-20% เท่านั้น อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย จีน เวียดนาม มาเลเซีย และเมียนมา ที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 70% เนื่องจากโรงแรมในเครือ ASIA นั้นมีฐานราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

“เราตั้งเป้าปี 2567 บริษัทจะสามารถทำรายได้รวมโตอยู่ที่ 10-20% โดยมองเป้าหมายหลักหลังปรับปรุงในส่วนของสาขากรุงเทพให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลังแบบเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นการชูภาพลักษณ์ของโรงแรมในเครือ ASIA ใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท และในส่วนของครึ่งปีหลังมีแผนที่อัพยอดห้องพักต่อวัน 2,000-2,500 บาท พร้อมวางแผนที่จะปรับปรุงใหญ่สาขาพัทยา ในงบประมาณ 100-150 ล้านบาท” นายพัชรพล กล่าวทิ้งท้าย