“เอเวอร์แกรนด์” ถูกหยุดการซื้อขาย หลัง “ศาลฮ่องกง” สั่งปิดกิจการใช้หนี้ 3 แสนล้านดอลลาร์
“ศาลฮ่องกง” สั่งเอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการ และขายสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อชำระบัญชีให้กับเจ้าหนี้ หลังจากที่เจ้าหนี้ไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหนี้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นร่วง 20% ในช่วงเช้านี้ก่อนจะถูกสั่งให้หยุดการซื้อขาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 ม.ค.67) ศาลฮ่องกงมีคำสั่งให้ เอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการ และขายสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อชำระบัญชีให้กับเจ้าหนี้ หลังจากที่เจ้าหนี้ไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเอเวอร์แกรนด์มีหนี้อยู่กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยเริ่มวิกฤตเมื่อช่วงปลายปี 2564 หลังจากที่ผิดนัดชำระหุ้นกู้ต่างประเทศ
ล่าสุดจนทำให้หุ้นเอเวอร์แกรนด์ปรับตัวร่วงลง 20% ในช่วงเช้านี้ก่อนจะถูกสั่งให้หยุดการซื้อขายชั่วคราว
อนึ่งในช่วงที่ผ่านมา (28 ก.ย.66) ทาง เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนถูกระงับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ย.66) โดยการระงับการซื้อขายหุ้นนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากประธานและผู้ก่อตั้งเอเวอร์แกรนด์ นายเหย กา-ยาน ถูกตำรวจควบคุมตัว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการควบคุมตัวในบ้านพักและจะถูกตั้งข้อหาใดตามมาหรือไม่
ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์เพิ่งกลับมาเปิดให้ซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 หลังจากถูกสั่งระงับซื้อขายนานถึง 17 เดือน เพราะไม่เผยแพร่ผลประกอบการให้สาธารณชนทราบ โดยช่วงก่อนหน้านี้ของเดือน ก.ย. มีการรายงานว่าพนักงานด้านการจัดการสินทรัพย์ของเอเวอร์แกรนด์หลายคนถูกตำรวจในนครเซินเจิ้นของจีนจับกุม ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นข้อหาใด
นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมา เมื่อวันที่ (26 ก.ย.66) สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่ากลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศรายหลักของเอเวอร์แกรนด์กำลังวางแผนที่จะร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอชำระบัญชีต่อบริษัทเอเวอร์แกรนด์ หากว่าบริษัทไม่ได้ส่งแผนการปรับปรุงหนี้ฉบับใหม่ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม แผนการนั้นเกิดขึ้นหลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้เขย่าตลาดเมื่อวันอาทิตย์ (24 ก.ย.66) ด้วยการประกาศว่า บริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากมีการสอบสวนตามกฎระเบียบไปยังหน่วยธุรกิจหลักของจีนซึ่งเป็นบริษัทลูกของเอเวอร์แกรนด์ที่ชื่อบริษัทเหิงต้า เรียลเอสเตท (Hengda Real Estate)
ขณะที่บริษัทเหิงต้า ในการยื่นฟ้องที่แยกส่วน เมื่อวันจันทร์ (25 ก.ย.66) กล่าวว่า บริษัทล้มเหลวที่จะจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยมูลค่า 4 พันล้านหยวน (หรือเทียบเท่า 547 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งหุ้นกู้ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 25 ก.ย.66 ที่ผ่านมา