MK ปรับโครงสร้างธุรกิจ ดัน “คลังสินค้า-โรงงานให้เช่า” เรือธง หนุนผลงานโตยั่งยืน
MK เดินหน้าปรับแผนดัน “ธุรกิจคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า” เป็นเรือธงหลัก เตรียมอนุมัติขายหุ้นกู้ RXW ธุรกิจบริการด้านสุขภาพให้ FNS ถือ 100% พร้อมเข้าซื้อหุ้นจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT เพิ่มเป็น 30.80% หนุนผลงานโตยั่งยืน
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายภายใต้แบรนด์บ้าน “ชวนชื่น”, ธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยถือหุ้นใน บริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) ด้วยสัดส่วน 50% และลงทุนในทรัสต์ PROSPECT REIT ในสัดส่วน 8.61%
อีกทั้งธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพและให้บริการด้านที่พักภายใต้ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด (RXW) มีสถานที่การให้บริการด้านสุขภาพ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการรักษ์เวลเนส บางกระเจ้า ภายใต้แบรนด์ “Rakxa” รวมเนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ และโครงการ “อาร์เอ็กซ์วี เวลเนส วิลเลจ” ภายใต้แบรนด์ “RXV” เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
ทั้งนี้คณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.66 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 มี.ค.67 ขออนุมัติปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยจะขายหุ้น RXW ในจำนวน 13,799,998 หุ้น คิดเป็น 100% ให้กับ บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ FNS มูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท และขายธุรกิจบริการด้านสุขภาพ 84 ล้านบาท รวม 360 ล้านบาท พร้อมให้สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารของธุรกิจบริการด้านสุขภาพ 10 ปี มูลค่าค่าเช่า 1,770 ล้านบาท และ FNS จะต้องให้กู้ยืมเงินแก่ RXW เพื่อนำมาคืนเงินกู้และดอกเบี้ยแก่บริษัทฯ
ขณะเดียวกัน MK จะเข้าซื้อหุ้นและหน่วยทรัสต์จาก FNS ประกอบด้วย หุ้น BFTZWN จำนวน 24,999 หุ้น ราคาหุ้นละ 2,000.08 บาท รวมมูลค่าน 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถือหุ้น 50% และ หน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จำนวน 83,212,061 หน่วย ราคาหน่วยละ 9.3885 บาท รวมมูลค่า 781 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.19%
อย่างไรก็ดีภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะส่งผลให้ MK ถือหุ้น BFTZWN ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จากเดิม 50% เพิ่มเป็น 100% และมีอำนาจตัดสินใจและสิทธิในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพิ่มการถือหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จาก 8.61% เป็น 30.80% และเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินลงทุนให้กับบริษัทฯ เนื่องจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี
นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจสอดคล้องกับแผนงานในอนาคตที่มุ่งเน้นให้มีการเติบโตจากธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นธุรกิจหลัก เนื่องจาก BFTZWN และ PROSPECT REIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และจะส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานที่มั่นคงในอนาคต
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดำเนินการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ในช่วงที่ผ่านมา การขายหุ้นจะทำให้บริษัทฯ ลดภาระการจัดหาเงินทุนเพื่อการดำเนินงานและขยายการลงทุน เพื่อทำให้ฐานธุรกิจและรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง และอาจกระทบกับภาระหนี้เพิ่มเติมซึ่งบริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่ต้องดำรงไว้ (Debt/Equity Ratio)
อย่างไรก็ดีธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่กำลังทยอยฟื้นตัวหนุนการเติบโตของภาคการค้าระหว่างประเทศ และยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้า ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต ขณะที่การลงทุนในประเทศยังได้แรงหนุนจากการพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตสำคัญของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งทอ
“ความต้องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก อาทิ การขยายฐานการผลิตรถยนต์ EV ของประเทศจีนมาไทย และการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีมายังประเทศไทย เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าและอาคารโรงงานให้เช่าเพื่อรองรับอุปสงค์ที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยธุรกิจคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายวรสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย