CHASE ปักธงรายได้ปี 67 “ออลไทม์ไฮ” โต 40% ลุยซื้อหนี้เสียพันล้าน-แย้มดีล M&A
CHASE กางแผนปี 2567 ตั้งเป้า “ออลไทม์ไฮ” รายได้โตกว่า 30-40% แตะ 965 ล้านบาท เดินหน้าซื้อหนี้เสีย (NPL) แตะ 1 พันล้านบาท พร้อมเจรจาดีล M&A ดันผลงานโตแกร่ง
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 บริษัทฯ ได้ซื้อพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ได้มูลหนี้ใหม่มาราว 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลหนี้คงค้างอยู่ในพอร์ตขึ้นมาอยู่แตะระดับ 33,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ซื้อหนี้ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับปี 2567 มองว่าเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ และจะเป็นอีกปีหนึ่งที่พุ่งทะยานฝ่าทุกข้อจำกัด เพื่อสร้าง New High Record
โดยเห็นสัญญาณของสถาบันการเงินมีแนวโน้มนำหนี้เสียออกมาประมูลขายจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบของโรค COVID-19 ที่เหลือจะสิ้นสุดลงในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่บริษัทฯ จะได้มูลหนี้ใหม่เข้ามาบริหารเพิ่มเติมอีก ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมในการชำระหนี้ แล้วปรับวิธีการจัดเก็บหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งเป็นการยกระดับประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บหนี้ของบริษัท รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า นำไปสู่การสร้างความแข็งแกร่งด้านอัตราความสำเร็จในการจัดเก็บหนี้ที่สูงขึ้น
“จากการเดินหน้าตามกรอบกลยุทธ์ ที่เน้นการเติบโตในธุรกิจหลัก เรามั่นใจว่าจะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ และมองเป้าหมายระยะยาวในอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าพอร์ตของเราจะไปถึงที่แสนล้านบาท บริษัทฯ เชื่อว่าการทำดีล M&A จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางรายได้ของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Inorganic growth และเพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัทฯ ตลอดจนต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นายประชา กล่าว
ด้านนางสาววรลักษณ์ ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน CHASE กล่าวว่า ในปี 2567 กุญแจสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดคือกลยุทธ์โตอย่างยั่งยืน โดยธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเข้าซื้อพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทภายในปีนี้ พร้อมขยายทีมงานติดตามทวงถามหนี้ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงพอร์ตลงทุนในระยะยาวโดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
อีกทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ จะยิ่งช่วยให้บริษัทฯ ทำงานได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล โดยพร้อมเปิดตัว Mobile Application เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารและอำนวยความสะดวกลูกค้าให้สามารถทำรายการธุรกรรมได้ด้วยตนเอง สำหรับธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายบริการไปยัง Non-bank และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม และคาดการณืว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567
ทั้งนี้ จากการใช้กลยุทธ์ที่วางไว้ บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายการเติบโต New High ของรายได้กว่า 30-40% แตะ 965 ล้านบาท และยอดจัดเก็บหนี้ที่จะเติบโตกว่า 50% จากปีก่อน