ASP กางแผนปี 67 ทุ่มเงิน 400 ล้าน ซื้อหุ้นเติมพอร์ต ดันรายได้โตเกิน 10%
ASP วางเป้าหมายการเติบโตปีนี้ 10-15% จากการเติบโตของการขยายการลงทุนอื่นๆ เกี่ยวข้องกับเงินและไม่เกี่ยวข้องกับเงิน
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP และบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และประธานกรรมการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ในปี 67 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 10-15% ทั้งในแง่รายได้และกำไร จากการเติบโตของการขยายการลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินและไม่เกี่ยวข้องกันเงิน โดยปรับพอร์ตการลงทุนโดยการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทดแทนการลงทุนที่ปรับตัวลงจากสภาวะตลาด
ทั้งนี้ธุรกิจด้านการลงทุน (บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์) ในปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงตามสภาวะตลาด ซึ่งในปี 67 บริษัทวางกลยุทธ์ Increase Investment Capability เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท ทั้งในแง่ของการขยายการลงทุนของบริษัทเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ซึ่งบริษัทมีนโยบายการลงทุนในหุ้นนอกตลาดและธุรกิจ Start Up เพิ่มเติม
โดยในปีนี้เตรียมงบลงทุนหุ้นนอกตลาดราว 400 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนรวมมีมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้และตราสารทุน ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท และการลงทุนในหุ้นนอกตลาด 400 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในส่วนอื่น ๆ
สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.เอเซีย พลัส) บริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจ Wealth Management เป็นเรือธงในการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมรุกตลาดกองทุนรวมเพื่อสร้างฐานรายไดที่มั่นคงสำหรับใยอนาคต รวมทั้งยกระดับบริการ “นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)” สู่การเป็น “ผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management)” ซึ่งบริษัทจะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโบรกเกอร์และลูกค้า รวมทั้งเจาะลึกและเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น
ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน (บลจ.แอสเซท พลัส) วางกลยุทธ์มุ่งเน้นการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ ที่มีความแตกต่างจากตลาด โดยรวมในกองทุนที่มีความหลากหลายในแต่ละประเทศ และในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นที่นิยม ที่วำคัญที่สุดคือการส่งมอบผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ถือเป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจกองทุนรวม
ธุรกิจที่ปรึกษา (บจก.ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เขามาผลักดันการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคงให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate) ซึ่งมีทั้งการระดมทุนรูปแบบ Private Placement การทำ Merger & Acquisition และการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายธุรกิจ
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า เงินของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกย้อนหลัง 10 ปีเกือบล้านล้านบาท จากหุ้นและตราสารหนี้ สอดคล้องกับการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ ซึ่งแนวโน้มในปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าเงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามามากนัก เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ระดับต่ำและตัวเลขคาดการณ์จากหลายหน่วยงานยังไม่เหมือนกัน และยังมีความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศอีกมาก
โดยในปี 67 กลุ่มบริษัทเอเชีย พลัส ได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในระยะ 3 ปี (67-69) เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ทุกหน่วยงานในองค์กรดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อสนับสนุนให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว โดยมี 4 แกนหลักที่สำคัญ ได้แก่
1) Product & Value: มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้มีความหลากหลายและส่งมอบคุณค่าที่สร้างความพึงพอใจในระดับที่สูงสุด
2) Process & Customer Experience: โดยการนำเอาเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและการบริการ เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
3) Brand Value & perception: มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์บริษัทให้ทันสมัยและเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)
4) People & Innovation: พัฒนาศักยภาพของบุคลากรโดยมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ในด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ความเข้าใจลูกค้า และความรู้ในด้านดิจิทัล รวมถึง data literacy (ความสามารถในการนำข้อมูลที่มีอยู่ในบริษัทฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์)
“สำหรับกลยุทธ์ Diversification ซึ่ง เอเชีย พลัส ทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เรามองเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จากผลดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มีความสมดุลและทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 67 เรายังคงวางเป้าหมายในการเติบโตอยู่ที่ double-digit ทั้งในแง่รายได้และกำไร” นายก้องเกียรติ กล่าว