IFA แนะผู้ถือหุ้น STEC ไฟเขียวตั้ง “โฮลดิ้ง” ชี้เหมาะสม

IFA แนะผู้ถือหุ้นควรลงมติอนุมัติ STEC ปรับโครงเป็นลักษณะของ “บริษัทโฮลดิ้ง” ยืนยันเหมาะสม


บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอมสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการมีแผนที่จะขยายการลงทุนธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมที่ต่อยอดความสามารถในการแข่งขันเดิมที่มีอยู่ และร่วมมือกับพันธมิตรหรือผู้ร่วมทุนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน 1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน 2.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง และ 3. ธุรกิจที่มีความสามารถในการเติบโตสูง อาทิ  ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น ผลดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางด้านรายได้และกำไร

ทั้งนี้ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทาง STEC จึงมีความจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างองค์กีให้เป็นลักษณะของบริษัทโฮลดิ้งให้มีความยืดหยุ่นและการกระจายความเสี่ยง โดยการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมอื่นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุตสาหกรรมตลาดและการแข่งขันในปัจจุบัน

โดยจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเพิ่มความแน่นอนของรายได้และอัตรากำไรให้แก่บริษัทฯได้ รวมไปถึงการจำกัดขอบเขตและการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่บริษัทฯจะมีการลงทุนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม STEC มีแผนที่ปรับโครงสร้างบริษัทฯ โดยจะดำเนินการให้มีการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทโฮลดิ้ง)  ที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบาย และสามารถให้บริการงานด้านการสนับสนุนแก่บริษัทในแต่ละกลุ่มธุรกิจรวมถึงบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับบริษัทโฮลดิ้งจะทำคำสั่งเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของบริษัทฯ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้ง และภายหลังการทำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทโฮลดิ้งเสร็จสิ้น หุ้นสามัญของบรัทโฮลดิ้งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนหุ้นสามัญของบริษัทฯ ซึ่งจะถูกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันเดียวกันทันที

ด้านบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด (ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ) กล่าวว่า จากการศึกษาพิจารณาข้อมูลและลักษณะของรายการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ เงื่อนไข ข้อดีและข้อด้วยของการเข้าทำรายการ ความเสี่ยง ความเหมาะสมของอัตราแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ รวมถึงการโอนหขายหุ้นของบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่บริษัท ถืออยู่ให้บริษัทโฮลดิ้งนั้น

โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นของ STEC ควรอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ การเพิกถอนหลักทรัพย์จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และการโอนขายหุ้นของบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่บริษัทฯ ถืออยู่ให้บริษัทโฮลดิ้ง รวมถึงการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และอนมัติการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์เพื่อการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการที่ได้กล่าวมาข้างต้น

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงหลักการและเหตุผลรวมไปถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากแผนปรับโครงสร้าง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ถือหุ้นควรลงมติอนุมัติ รายการโอนขายหุ้นของบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่บริษัทฯ ถืออยู่ให้บริษัทโฮลดิ้งในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นที่ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะได้รับผลกระทบขาดทุนจากการโอนขายหุ้นโดยมูลค่าการทำรายการที่ราคาทุน (Cost) จำนวน 7,499.67-8,560.97 ล้านบาท โดยประมาณ และไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผลจากบริษัทโฮลดิ้งซึ่งจะคำนวณจากกำไรสุทธิอันเป็นผลมาจากการดำเนินงานของบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่บริษัทโฮลดิ้งได้รับโอนจากบริษัทฯ รวมถึงสูญเสียโอกาสในผลตอบแทนที่ได้รับจากเงินลงทุนในบริษัทอื่น อาทิเช่นผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล หรือในรูปแบบกำไรจากการขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าราคาทุน

Back to top button