DITTO เด้งแรง 7% รับข่าวเป้าผลิต “คาร์บอนเครดิต” ดันรายได้ปีละ 2 พันล้านบาท

DITTO ปิดเช้าเด้งแรง 7% ขานรับข่าวตั้งเป้าสูงผลิตคาร์บอนเครดิตจากป่าชายเลนปีละ 1 ล้านตัน รับรู้รายได้ธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 2,000 ล้านบาท ดันกำไรเติบโตระเบิดเริ่มตั้งแต่ปี 70 ประเดิม 400 ล้านบาท รับรู้ยาว 30 ปี ล่าสุดเตรียมออกโทเคนเพื่อการลงทุนคาร์บอนเครดิตกลางปีนี้ พร้อมทยอยรับรู้รายได้สวนสัตว์แห่งใหม่ Q1/67 รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า จับมือ NETBAY รับงานใหญ่เร็ว ๆ นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.พ. 67) ราคาหุ้น บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ณ เวลา 12:30 น. ปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 28.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.63% สูงสุดที่ระดับ 28.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71.23 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น DITTO ปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวจากผู้บริหาร นายชัยทัด กุลโชควณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน DITTO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลิตคาร์บอนเครดิตให้ได้ปีละ 1 ล้านตัน จากพื้นที่ป่าชายเลนที่มีอยู่กว่า 176,496.24 ไร่ หากคำนวณจากราคาจำหน่ายตันละ 2,000 บาท บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 2,000 ล้านบาท เทียบกับปัจจุบันที่บริษัทมีรายได้ 1,000-1,500 ล้านบาท และกำไรสุทธิประมาณปีละ 200-300 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

โดยบริษัทจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่าชายเลนได้ ตั้งแต่ปี 2570 เป็นการสร้าง New S-Curve ให้กับหน่วยธุรกิจใหม่นี้ ล่าสุดเตรียมการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในคาร์บอนเครดิต เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับดิทโต้ในโครงการนี้ แต่จุดประสงค์หลักของบริษัทยังคงเป็นการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการปลูกป่าชายเลน ที่ถือว่าเป็นบลูคาร์บอน (Blue Carbon)

สำหรับพื้นที่ป่าชายเลนที่จะนำมาออกเหรียญโทเคนดิจิทัลอยู่ที่ 20,000 ไร่ สามารถผลิตคาร์บอนเครดิตได้ประมาณ 10 ตันต่อไร่ รวมทั้งหมด 200,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าคาร์บอนเครคิตที่ 400 ล้านบาทต่อปี เบื้องต้นคาดว่าอายุเหรียญโทเคนจะอยู่ที่ 7 ปี ผู้ซื้อจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ กลุ่มแรก วัตถุประสงค์เพื่อรับผลกำไรจากราคาโทเคนที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายมีลดค่อนข้างมาก เมื่อครบอายุก็จะคืนเงินลงทุนทั้งหมดพร้อมส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มที่สอง ผู้ซื้อมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเหรียญมาแลกเป็นคาร์บอนเครดิตเพื่อนำไปใช้ ซึ่งอาจเป็นกลุ่มบริษัทส่งออก แต่จะไม่ได้เงินลงทุนคืน

นายชัยทัด กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินปริมาณคาร์บอนจากป่าชายเลนที่จะมาออกเหรียญฯ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่ออนุมัติการจำหน่ายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในคาร์บอนเครดิตในช่วงกลางปีนี้ หรืออย่างช้าช่วงครึ่งหลังปีนี้

ทั้งนี้ DITTO ได้มีการแต่งตั้งบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) บริษัทในเครือ เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ในการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในคาร์บอนเครดิต เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุนสำหรับการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตดังกล่าว

สำหรับโครงการปลูกป่าชายเลน ดำเนินการโดยบริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด (เป็นบริษัทย่อยของ DITTO) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้มีสิทธิปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลน ระยะเวลาดำเนินโครงการ 30 ปี ปัจจุบันมีพื้นที่ 176,496.24 ไร่ มีทั้งโครงการปลูกป่าขึ้นใหม่ และโครงการร่วมกับชุมชนในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก

ส่วนความคืบหน้าของการออกพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (กฎหมายโลกร้อน) คาดว่าน่าจะสามารถออกมาประกาศใช้ได้ภายในปีนี้ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะนำเสนอรัฐบาล และนำเข้าสู่การพิจารณาของผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) จะมีผลให้บริษัทแต่ละแห่งต้องเร่งหาคาร์บอนเครดิตเพื่อลดผลกระทบต่อการส่งออกในอนาคต หลังจากมาตรการเก็บภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) มีผลบังคับใช้

ด้านนายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DITTO กล่าวว่า โครงการสวนสัตว์แห่งใหม่ระยะที่ 1 รวมมูลค่า 5,354 ล้านบาท จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 นี้ ปัจจุบันงานฐานรากและการปรับพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารและวางระบบเทคโนโลยีและการจัดแสดง

สำหรับปี 2567 จะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากส่วนนี้ถึง 1 ใน 3 ของ Backlog ดังกล่าว หรือประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท จนถึงปลายปี 2558 โดยยังไม่รวมงานใหม่ โดยสวนสัตว์แห่งนี้จะมีระบบ Digital, ระบบจองตั๋ว, ระบบการดูข้อมูล เข้ามาให้บริการผู้เยี่ยมชมมากขึ้น และคาดว่าบริษัทจะมีโอกาสเข้าแข่งขันโครงการระยะที่ 2 ด้วยมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท รวมการดำเนินการโครงการดังกล่าว ทั้งหมดใช้ระยะเวลา 5 ปี

นอกจากนี้ DITTO ยังเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการจัดการสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่า เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติปีนี้อีกด้วย มูลค่าโครงการนี้กว่า 2,000 ล้านบาท ใช้เทคโนโลยีทันสมัยผสานกับความเป็นเอกลักษณ์ไทย บนพื้นที่พระราชทานเกือบ 80 ไร่

ส่วนการเข้าลงทุนหุ้นสามัญของบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY จำนวน 49,800,000 หุ้น คิดเป็น 24.90% ของทุนชำระแล้ว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจาก NETBAY เป็นบริษัทที่ดำเนินการและมีความเชี่ยวชาญ Digital Platform ซึ่งการรวมกันครั้งนี้จะสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นการขยายผลต่อยอดการให้บริการที่แข็งแกร่ง เกี่ยวกับ DATA แบบครบวงจรในทุกมิติเพื่อบริการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดย NETBAY มีการให้บริการแพลตฟอร์ม Intelligent Box (Box) ที่เป็นระบบยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (E-KYC) ด้วยตัวเอง ที่ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าทางภาครัฐอยู่แล้ว

ขณะที่ DITTO มีกลุ่มลูกค้าหน่วยงานท้องถิ่นสามารถนำ iBox มาขยายผลการให้บริการต่อได้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับ DITTO และ NETBAY เพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 คาดว่าจะจะเห็นโครงการใหญ่เกิดขึ้นร่วมกัน

Back to top button