ADVANC โชว์กำไรปี 66 แตะ 2.9 หมื่นล้าน เคาะปันผล 4.61 บาท ขึ้น XD 19 ก.พ.นี้

ADVANC โชว์กำไรปี 66 แตะ 2.9 หมื่นล้านบาท โต 12% รับอานิสงส์ธุรกิจเน็ตบ้าน รวมถึงยอดผู้ใช้บริการ Arpu เพิ่มขึ้น พร้อมใจดีเคาะปันผลในอัตราหุ้นละ 4.61 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD 19 ก.พ.67 กำหนดจ่ายปันผล 17 เม.ย.67 ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โต 13-15%


บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 66 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับ ADVANC รายงานผลประกอบการประจำปี 66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 29,086.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.82% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 26,011.28 ล้านบาท เป็นผลมาจากมีรายได้รวมอยู่ที่ 188,873 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้บริการซึ่งมีผลจากการรับรู้รายได้ของ TTTBB การเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ต การฟื้นตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ การเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ชดเชยกับรายได้จากการขาย อุปกรณ์ที่ลดลงเล็กน้อย

ขณะที่รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 118,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการมุ่งเน้นการให้บริการด้วยคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการเสริม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนั้นรายได้การเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Roaming) ยังฟื้นตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภค และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ และจากความพยายามในการผลักดันการใช้งาน 5G ยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ ARPU อีกด้วย

ส่วนรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน อยู่ที่ 13,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้รายได้TTTBB เป็นเวลา 46 วัน ร่วมกับการรักษาระดับการเติบโตปกติได้ โดยการเติบโตมาจากการขยายฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพในพื้นที่รอบนอกผ่านการนำเสนอแพ็กเกจที่มุ่งเน้นด้านคุณค่าแก่ลูกค้าใหม่ซึ่งจะช่วยยกระดับ ARPU ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ส่งเสริมการขายบริการที่หลากหลาย (Cross-sell & Upsell) แก่ฐานลูกค้าเดิม หากไม่รวม TTTBB การเติบโตปกติของธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ภายหลังจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ TTTBB ทำให้ณ สิ้นปี 2566 เอไอเอสมีฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งสิ้น 4.74 ล้านราย ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตจากการดำเนินงานปกติ 276,000 ราย และจากการผนวกผู้ใช้บริการ TTTBB ทั้งสิ้น 2.3 ล้านราย ด้วยกลยุทธ์การส่งเสริมการขายร่วมกับการมุ่งเน้นการดึงดูดผู้ใช้บริการคุณภาพสูง และเพิ่มมูลค่าของแพ็กเกจ ทำให้ ARPU ของ เอไอเอส ไฟเบอร์เพิ่มขึ้นเป็น 434 บาท/เลขหมาย/เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 และเมื่อรวมกับผลประกอบการและฐานลูกค้าคุณภาพของ TTTBB ทำให้ ARPU โดยเฉลี่ยของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของเอไอเอสเพิ่มขึ้นเป็น 490บาท/เลขหมาย/เดือน

นอกจากนี้บริษัทแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้ให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พิจารณาอนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2566 เป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 8.61 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ในอัตรา 4.00 บาทต่อหุ้น ดังนั้นคงเหลือจ่ายปันผลสำหรับงวดนี้ 4.61 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ กำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 (Record Date) โดยวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันแรกคือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2567

โดยปี 2566 AIS เดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนโครงข่าย 5G อัจฉริยะและอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมเป้าหมายการทำงานที่มุ่งยกระดับคุณภาพการให้บริการและโครงข่ายสัญญาณเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าผ่านกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้ง โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้าน, ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร และบริการดิจิทัล พร้อมเตรียมงบลงทุนในปี 2567 ไว้ที่ 26,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพบริการในทุกมิติ

ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC กล่าวว่า “แม้ในปี 2566 จะเป็นอีกปีที่เราต้องเผชิญกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้า เรายังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายคุณภาพ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ บรอดแบนด์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทย รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ที่จะสะท้อนไปถึงเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม ตลอดจนการสร้าง ECOSYSTEM ECONOMY ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำจากหลายภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตแบบร่วมกันอย่างยั่งยืน อันจะส่งมอบประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในท้ายที่สุด”

โดยผลประกอบการในปี 2566 AIS ทำรายได้รวม 188,873 ล้านบาทได้รับประโยชน์จากการเริ่มรับรู้รายได้ บริษัท ทริปเปิลทรี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน  และมีกำไรสุทธิ 29,086 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 93,371 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทุกธุรกิจ ร่วมกับการพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน ด้วยระบบโครงข่ายอัตโนมัติ (Autonomous Network) และ ระบบไอทีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน โดยมีผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมที่ 44.6 ล้านเลขหมาย โดยยังคงมุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าบนศักยภาพของโครงข่าย 5G ที่วันนี้มีความครอบคลุมพื้นที่การให้บริการใกล้เคียง 90% ของพื้นที่ประชากร โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมแล้วกว่า 9.2 ล้านเลขหมาย

ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พร้อมให้บริการแล้วทั้ง AIS FIBRE3 และ 3BB FIBRE3 ด้วยความครอบคลุมและเข้าถึงได้มากกว่า 13.3 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ รวมถึงนวัตกรรมเน็ตบ้านและโซลูชันที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกบ้าน ทุกร้าน ทุกธุรกิจ และการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและมาตรฐานการให้บริการที่รู้ใจ ทำให้วันนี้ AIS 3BB FIBRE3 มีฐานลูกค้ากว่า 4.7 ล้านครัวเรือน

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านบริการโครงข่าย ดิจิทัลโซลูชัน คลาวด์ และ บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ที่พร้อมเชื่อมต่อในทุกการทำงาน สำหรับลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักของประเทศอย่าง กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ธุรกิจบริการดิจิทัล ยังคงร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งตามแนวคิด Ecosystem Economy เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ด้านคอนเทนต์ความบันเทิงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Netflix HBO และล่าสุดกับ Prime รวมถึงบริการดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน อาทิ บริการประกันดิจิทัลจาก AIS Insurance Service หรือแม้แต่ เกมแพลตฟอร์มอย่าง Game On ศูนย์รวมบริการเกมที่ครบทุกความต้องการของกลุ่มเกมเมอร์

“ในปีนี้เรายังคงเดินหน้ายกระดับการให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจ อย่างต่อเนื่องเพื่อขยายโครงข่ายสื่อสารและโครงข่ายเน็ตบ้านให้มีความครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งานของคนไทย อันจะนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนของประเทศในทุกมิติ” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button