KJL ส่งซิกรายได้ปี 67 โต 15% แตะ 1.2 พันล้าน ลุยโปรเจคใหม่-เร่งขยายร้านค้า 1,000 แห่ง

KJL กางแผนปี 67 เดินหน้าลุยโปรเจคใหม่ผลิตสินค้า-เร่งขยายฐานลูกค้าที่เป็นร้าน 1,000 แห่ง จ่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ รุกสิงคโปร์-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-ออสเตรเลีย ส่วนแบ็กล็อก 500 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในไตรมาส 1-2/67 ส่วนทั้งปีตั้งเป้ารายได้โต 10-15% แตะ 1.2 พันล้านบาท


นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2567 บริษัทจะมีโปรเจคใหม่และมีการผลิตสินค้าใหม่เข้ามา พร้อมทั้งล่าสุดบริษัท ชไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด แต่งตั้ง KJL เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ “Authorized General Distributor (Tier 1)” จากเดิมที่บริษัทฯ ซึ่งมาประกอบเองก็เปลี่ยนมาเป็นซื้อโดยตรงแทน และยังมีการออกสินค้าใหม่เพิ่มเติม โดยเป็นการขายที่ครบวงจรมากขึ้น และยังสามารถขายเป็นเทรดดิ้งโดยการครอสเซลล์ไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม

ส่วนธุรกิจในต่างประเทศบริษัทฯจะเน้นไปที่ประเทศเขตชายแดน เช่น กัมพูชา ลาว และพม่า รวมทั้งเตรียมขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมไปยัง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย นอกจากนี้ บริษัทมีกลุ่มลูกค้าคนไทยจากต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าวัสดุต่างๆ จากต่างประเทศ และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาลงทุนในไทยได้นั้น

“อย่างไรก็ดีจากบริษัทฯมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยส่งมอบสินค้า และสามารถรับรู้รายได้ภายใน 3 – 6 เดือน ซึ่งจะรับรู้ภายในไตรมาส 1/2567 และไตรมาส 2/2567” นายเกษมสันต์ กล่าว

นายเกษมสันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เติบโต 10-15% ประมาณ 1,200 ล้านบาท สืบเนื่องจากในปีนี้บริษัทจะเร่งขยายฐานลูกค้าที่เป็นร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วประเทศแตะ 1,000  ร้านค้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ 800 ร้านค้าจากสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา ขณะที่ในปี 2566 ผลการดำเนินงานมีโอกาสเติบโตได้ตามเป้าหมายวางไว้ก่อนหน้า

นอกจากนี้บริษัทมีงานที่เกี่ยวข้องกับอีวีหลายงาน เช่น โรงไฟฟ้าของธุรกิจอีวี และอีวีชาร์จเตอร์ ที่บริษัททำการผลิตให้ในภูมิภาค และตามบ้านเรือนทั่วไป โดยมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทได้เข้ารับงานในอุตสาหกรรมต่างๆ 7-8 อุตสาหกรรม อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน, สนามบิน, ท่าเรือ, รถไฟฟ้า, โทรคมนาคม, ดาต้าเซ็นต์เตอร์, การแพทย์, โรงพยาบาล, อสังหาริมทรัพย์, ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม เป็นต้น

Back to top button