“เครือปูนซิเมนต์ไทย” กวาดกำไรปี 66 ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท

“เครือปูนซิเมนต์ไทย” กวาดกำไรปี 66 ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ฟากแม่ SCC จัดหนักโกยกำไรสุทธิ 25,914.98 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 67 โบรกฯคาด SCC-SCGD-SCGP-SJWD ยังเติบโตต่อเนื่อง


เครือปูนซิเมนต์ไทยประกอบด้วย SCC, SCGD, SCGP และ SJWD ตามลำดับ ล่าสุดมีการประกาศงบการเงินปี 2566 ออกมาเกือบครบควรแล้วเหลือเพียง SJWD เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากรวมผลประกอบการทั้งหมด (กำไรคาดการณ์ของ SJWD ด้วย) ก็จะทำให้กำไรสุทธิเครือปูนซิเมนต์ไทยปี 2566 รวมทั้งหมดอยู่ที่ 32,256.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 27,265.94 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายตัว พบว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC รายงานผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25,914.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,382.35 ล้านบาท สาเหตุหลักจากกําไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีมูลค่ารวม 14,822 ล้านบาท

ขณะเดียวกันขณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 งวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 อัตราการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท โดยวันที่ไม่รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 4 เม.ย. 2567 และกำหนดวันที่จ่ายปันผล 23 เม.ย. 2567

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มปี 2567 ของหุ้น SCC ประเมินธุรกิจที่ไม่ใช่เคมิคอลส์จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และช่วยประคองกำไร คือ 1) ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ผู้บริหารประเมินความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศปี 2567 จะกลับมาเติบโต 3-4% จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 2) ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะเติบโต 15% จากการขยายธุรกิจ และ Mergers and Partnerships 3) ธุรกิจอื่น คือ เงินปันผลรับจากโตโยต้าจะทรงตัวในระดับสูง และ ส่วนแบ่งกาไรจากคูโบต้าคาดจะเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ “ถือ” คาดราคาหุ้นได้สะท้อนสถานการณ์ในครึ่งแรกของปี 2567 ที่ยังยากลำบาก โดยเฉพาะ

สำหรับธุรกิจเคมิคอลส์มีสเปรดที่ลงมาต่ำกว่าจุดคุ้มทุน และโรงงานปิโตรเคมีครบวงจรแห่งใหม่ในเวียดนามเริ่มผลิต ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 35% ขณะที่ปี 2568 ลดลง 19% แต่ด้วยแรงหนุนจากธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ปิโตรเคมี และเงินลงทุน จะช่วยหนุนให้มีกำไรปกติปี 2567 อยู่ที่ 18,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และในปี 2568 อยู่ที่ 28,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ตามลาดับ แต่ยังเป็นระดับกำไรที่ไม่เด่น เมื่อเทียบกับปี 2556-64 ที่มีกาไร 3-5 หมื่นล้านบาท ประเมินราคาเป้าหมายที่ 285 บาท

บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD รายงานผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 327.75 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 421.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากบริษัทมีต้นทุนในการขายลดลง รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหาร และต้นทุนในการจัดจำหน่าย ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมลดลงมาที่ 5.8 พันล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีค่าใช้จ่ายรวม 8.4 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 งวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 อัตราการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 1 เม.ย.2567 และกำหนดจ่ายปันผล 22 เม.ย.2567

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ กรณีของ SCGD ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567-2568 ลง 20% ต่อปี ในปี 2567 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และในปี 2568 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ตามลําดับ

ด้วยมุมมองระมัดระวังขึ้นต่ออุปสงค์ตลาดกระเบื้อง โดยเฉพาะเวียดนามสัญญาณการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจน โดยการเติบโตของผลประกอบการมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การลดลงของต้นทุนพลังงาน (30% ของต้นทุนการผลิต) โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ 2) ปริมาณการขายปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์กระเบื้องในประเทศหนุนภาคการท่องเที่ยวและมาตรการภาครัฐ พร้อมกับการ ฟื้นตัวของต่างประเทศจากฐานตํ่า รวมถึงกลยุทธ์ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ไปอาเซียน

สำหรับภาพรวมปี 2567 แรงกดดันด้านต้นทุนผ่อนคลายลงและอุปสงค์ที่ทยอยดีขึ้น แนวโน้มไตรมาส 1/2567 รับปัจจัยบวกจาก High Season ธุรกิจกระเบื้องในไทยและเวียดนาม จึงแนะนำ “ซื้อลงทุน” ปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 12 บาท

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,248.13 ล้านบาท ลดลง 9.52% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5,800.61 ล้านบาทเป็นผลมาจากปริมาณและราคาขายที่ลดลงซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขาย และอัตรากำไรโดยรวมยังอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากความพยายามในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ กรณีของ SCGP โดยาคงประมาณการกำไรปี 2567 ไว้ที่ 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และในปี 2568 กำไรสุทธิอยู่ที่  7.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวช้าและต้นทุนค่าระวางจะปรับขึ้น

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรจะโตจากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายพื้นที่โดยจะได้ปัจจัยหนุนจากเงินเฟ้อและต้นทุน พลังงานที่ลดลง นอกจากนี้การควบรวมและซื้อกิจการตลอดปี 2566 อันประกอบด้วย Duy Tan, Intan group, Deltalab, Peute, Jordan, Law Print, และ Bicappa พร้อมการขยายกำลัง การผลิตภายในของ SCGP ก็น่าจะเห็นผลในระยะยาว ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท

บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD งบการเงินปี 2566 ยังไม่ประกาศออกมาเป็นทางการ แต่หากดูข้อมูลจากLSEG consensus ประเมินว่า บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 766.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 504.00 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” SJWD ราคาพื้นฐาน 17.50 บาท โดยจากการลงทุนขนาดใหญ่ในหุ้นโลจิสติกส์ 2 บริษัท (ANI ในไทยและ SWIFT ในมาเลเซีย) การลงทุนดังกล่าว ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าเพิ่มจาก การผนึกกำลังกับธุรกิจที่มีอยู่ของ SJWD แต่ยังช่วยหนุนเพิ่มกำไรปี 2567-68 ประมาณ 20% ต่อปี นอกเหนือจากการลงทุนเหล่านี้ อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจลานจอดพักรถยนต์ ห้องเย็น คลังสินค้าทั่วไปของ SJWD และการไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับ  EBT จะทำให้ กำไรในปี 2567 เติบโต 68% สู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 1.25 พันล้านบาท

Back to top button