MC รายได้ขายพุ่ง! ดันกำไรไตรมาส 2 โต 15% แตะ 282 ล้าน จ่ายปันผล 0.50 บาท
MC รายได้ขายพุ่ง! ดันกำไรไตรมาส 2 บัญชี 2567 (1 ต.ค.-31 ธ.ค.66) โต 15% แตะ 282.98 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน 246.43 ล้านบาท หนุนงวด 6 เดือนกำไรแตะ 412 ล้านบาท จ่ายปันผล 0.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 ก.พ.67 กำหนดจ่าย 12 มี.ค.67
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC รายงานงบไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ต.ค.-31 ธ.ค.66) มีกำไรสุทธิดังนี้
โดยกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567(1 ต.ค.-31 ธ.ค.66) บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.6 เกิดจากกำลังซื้อที่กลับมาทั้งในช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ร้านค้าปลีกของตนเองและช่องทางออนไลน์ สืบเนื่องจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมาใน รวมไปถึงการขยายช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับงวด 6 เดือน ปีบัญชี 2567(ก.ค.-ธ.ค. 66) บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 2,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำลังซื้อที่กลับมาในช่องทางออฟไลน์และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเติบโตต่อเนื่องในช่องทาง ออนไลน์
นอกจากนี่บริษัทเตรียมปันผล งวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.66 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 28 ก.พ. 2567และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 มี.ค. 2567
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566) ว่า กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 246 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 64% มีอัตรากำไรสุทธิที่ 21.5%
อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ไตรมาส หนุนให้ งวด 6 เดือนแรกปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบงวดเดียวกัน มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า ไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท หรือ 47.61% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 186 ล้านบาท หรือ 16.6% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,117 ล้านบาท หนุนให้งวดครึ่งแรกของปีบัญชี 67 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวมทั้งสิ้น 2,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท หรือ 16.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำลังซื้อที่กลับมาในช่องทางออฟไลน์และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเติบโตในช่องทางออนไลน์ และได้รับอานิสงส์จากมาตรการของภาครัฐรวมถึงฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศที่กลับมาคึกคัก การปรับตัวลดลงของราคาขายปลีกน้ำมันทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด
โดยกำลังซื้อกลับเข้ามาทั้งในช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) 68% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกอยู่ที่ 66%, ห้างสรรพสินค้า (Department Store) 19%, ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) 10% และช่องทางอื่นๆ คิดเป็น 3%
ทั้งนี้รายได้จากช่องทางค้าปลีกของตนเองเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 มีรายได้ 889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150 ล้านบาท หรือ 20.3% งวด 6 เดือน มีรายได้ 1,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243 ล้านบาทหรือ 19.8% จากกำลังซื้อที่กลับมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน Mc Outlet ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนให้บริษัทฯ มีจุดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 570 จุด
ขณะที่ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) ไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 มีรายได้ 129 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 41 ล้านบาทหรือ 46.7% ส่วนงวด 6 เดือนมีรายได้ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76 ล้านบาทหรือ 49.8% ซึ่งแบรนด์แม็คยีนส์มียอดขายอันดับ 1 สูงสุดในแพลตฟอร์ม TIKTOK หมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย
บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หลัก ที่มุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix การส่งเสริมการขายและการบริหารช่องทางการขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลดำเนินรวมของบริษัทฯ เติบโต หนุนให้ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ขึ้นไปอยู่ที่ 18.1% จาก 17.4% เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2566
“แม็คกรุ๊ป ยังคงสถานะการเป็นบริษัทฯ ไม่มีหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน ขณะที่เงินสดในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีเงินสดอยู่ 1,719 ล้านบาท” นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่องส่งผลให้คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเกือบ 100% ของกำไรสุทธิ และให้อัตราผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นประมาณราว 3.5-4%