NAT ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง-โกรทสต๊อก ลุยสนามเทรด mai พรุ่งนี้
NAT เตรียมลงสนามเทรดตลาด mai พรุ่งนี้ (15 ก.พ. 67) ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่งโอกาสเติบโตต่อเนื่อง รับเทรนด์เทคโนโลยีในอนาคต หลังระดมทุนนำเงินมาใช้หมุนเวียน-รับงานใหญ่ เดินหน้ารุก Software Development ขณะที่ที่ปรึกษาการเงิน APM ระบุธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูงหลังระดมทุน
นายสหทัศน์ ตรีเมธสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยถึงการที่บริษัทฯ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ย้ำว่าบริษัทฯเตรียมความพร้อมในการเข้าตลาดหลักทรัพย์มาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยทำให้มีความมั่นใจมากว่าจะมีกระแสตอบรับดีเยี่ยมจากนักลงทุน ด้วยพื้นฐานธุรกิจของบริษัทฯที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงรายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง สิ่งสำคัญมองอนาคตของบริษัทฯ ว่ามีโอกาสที่จะเติบโต และเป็นหุ้น Growth stock ดังนั้นมีความมั่นใจเป็นอย่างมากสำหรับการซื้อขายในพรุ่งนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2567 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เพิ่มงานที่เกี่ยวกับ Cyber Security เข้ามา โดยค่อยๆ เติบโต และคาดว่าจะเติบโตจาก Cyber Security และสามารถต่อยอดงานโครงสร้างพื้นฐานได้
รวมทั้งคาดว่าบริษัทจะเติบโตจาก Software Development จาก AI ที่เป็นเทรนด์ซึ่งจะสามารถเติบโตได้ในอนาคต ทั้งนี้บริษัทฯ มีศักยภาพในธุรกิจ SI โดยบริษัทฯ เป็นพันธมิตรกับเจ้าของแบรนด์ด้าน Cyber Security ชั้นนำระดับโลก ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเป็นพันธมิตรกับเดล เทคโนโลยีอีกด้วย โดยในปีนี้บริษัทได้เริ่มเข้าไปทำธุรกิจเกี่ยวกับ Software Development และกำลังพัฒนา Software อยู่ ซึ่งถือว่าเป็นงานใหม่ของบริษัทฯ
โดยปัจจุบันงานที่บริษัทฯ รับอยู่มีมูลค่าประมาณ 30-50 ล้านบาท ตามสัญญา ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ และอาจมีมูลค่าที่สูงขึ้นเกิน 50 ล้านบาท รวมทั้งสามารถเพิ่มจำนวนการรับงานได้อีกด้วยอาจเป็น 10-20 งาน และบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ สำหรับกลุ่มลูกค้าของธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ยังคงเป็นหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 85% ส่วนภาคเอกชนสัดส่วน 15%
“ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทีมเอาท์ซอสมืออาชีพ และการมองมุมใหม่ๆ ของแอพพลิเคชั่นที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ และยังไม่มีบริษัทฯ เข้าไปทำธุรกิจ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ” นายสหทัศน์ กล่าว
ในส่วนของผลประกอบการปี 2566 เติบโตขึ้นจากปี 2565 โดยบริษัทฯ มองว่า NAT จะเติบโตต่อเนื่องตามเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ขณะที่มีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นงวด 9 เดือนประมาณ 550 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้อีกประมาณ 280 ล้านบาท
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ NAT กล่าวว่า มีความมั่นใจต่อการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันแรกของ NAT เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโต มีความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงการมีศักยภาพของบริษัท ทั้งนี้ ในแง่ของการเติบโตของรายได้ และการทำกำไรของ NAT มาจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เกิดจากทีมงานและบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี มีการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าที่ดีซึ่งทำให้การสร้างรายได้ และการทำให้เกิดผลกำไรมีความโดดเด่น ประกอบกับ NAT มีการโรดโชว์นำเสนอข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนเกิดความเข้าใจว่า SI ของ NAT มีความแตกต่างจาก SI ทั่วไปอย่างไร ซึ่ง NAT มุ่งไปที่เทรนด์ในอนาคต อาทิ Cyber Security และ Software Development เป็นต้น
นอกจากนี้ NAT ยังมีการกำหนดราคา การเสนอขายหุ้น ในการพยายามให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ลงทุนกับกิจการ และไม่ทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกว่าเป็นการกำหนดราคาที่สูงเกินไป โดยมั่นใจในการเติบโต และมั่นใจว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสอัพไซด์ได้อีกมาก และเชื่อมั่นในการเติบโตของกิจการ ดังนั้นทาง APM ในฐานะที่ FA มองว่าหุ้น NAT จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ลงทุนได้ในอนาคต
ขณะเดียวกันกิจการของ NAT เติบโตด้วยกระแสเงินภายในอยู่แล้ว แต่การระดมทุนจำนวน 500 ล้านบาทในครั้งนี้ คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตที่ดีขึ้นจากเดิม และจะนำเงินทั้งหมดมาใช้ในการหมุนเวียน และรับงานที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า NAT จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากจุดเด่นในการนำเสนอโซลูชันด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังมีความพร้อมในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับปัจจัยด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทยังพื้นฐานทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และยังมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรทุกปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด และ มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต
“เชื่อว่านักลงทุนจะให้การตอบรับหุ้น NAT เป็นอย่างดี ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนได้จองซื้อหุ้นครบทั้งจำนวน 92 ล้านหุ้น เนื่องจากราคาเสนอขายเหมาะสมสอดคล้องกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็ง จากความสามารถในการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดีมาโดยตลอด” นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย