“สรรพากร” เตือน! ซื้อ-ขายใบกำกับภาษีปลอม เจอโทษปรับ-จำคุก

“กรมสรรพากร” เตือนหากพบการซื้อ-ขายใบกำกับภาษีปลอม จะดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษทั้งทางแพ่ง และทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท


น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากร ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าตรวจค้นสถานที่ออกใบกำกับภาษีปลอม 5 แห่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ได้ยึดเอกสารใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย และได้จับกุมผู้กระทำความผิดได้ ในความผิดฐาน “ร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิที่จะออก” ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร

สำหรับพฤติการณ์ พบว่ามีการนำใบกำกับภาษีของผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่น มาทำการออกใบกำกับภาษี โดยไม่ใช่ผู้ขายสินค้าตัวจริง กรมสรรพากร จึงได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กระทั่งพบสถานที่ที่ใช้ออกใบกำกับภาษีดังกล่าว และในส่วนของ บก. ปอศ. ได้ล่อซื้อใบกำกับภาษีจากผู้ออกใบกำกับภาษี โดยไม่ได้มีการซื้อขายสินค้ากันจริง ซึ่งจากการตรวจค้นทั้ง 5 แห่ง พบใบกำกับภาษีจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่าร้อยล้านบาท

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษี และผู้ใช้ใบกำกับภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้มีการประกอบกิจการจริง จะมีโทษทั้งทางแพ่ง และทางอาญา โดยโทษทางแพ่ง ต้องรับผิดเบี้ยปรับ 2 เท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษี พร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายอีก 1.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของจำนวนเงินภาษี และโทษทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท

การกระทำดังกล่าว เป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ที่ออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีการซื้อขายกันจริง ในส่วนของผู้ออก นอกจากต้องรับผิดทางแพ่งแล้ว ยังมีโทษทางอาญาด้วย ในฐานความผิดโดยเจตนาหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกใบกำกับภาษีไม่มีสิทธิที่จะออก ส่วนผู้ที่นำใบกำกับภาษีไปใช้ ถือเป็นภาษีซื้อ ต้องห้ามไม่มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตต้องรับผิดทางแพ่ง และมีโทษทางอาญา ในฐานความผิดใช้ใบกำกับภาษีปลอม” น.ส.กุลยา กล่าว

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ใช้ใบกำกับภาษี ต้องซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบกิจการซึ่งมีตัวตนจริง และเป็นผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีเท่านั้น

ทั้งนี้ กรมสรรพากร ขอแนะนำให้ผู้ประกอบกิจการเข้าสู่ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปลอมแปลงใบกำกับภาษี ลดความซ้ำซ้อนและลดปัญหาการจัดการเอกสารที่อยู่ในรูปของกระดาษ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ตามมาตรฐานสากลต่อไป

Back to top button