CREDIT เดินหน้าขยาย “พอร์ตสินเชื่อ” ตั้งเป้าโตปีละ 30%
CREDIT แนวโน้มปี 67 รายได้เติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโตในระดับร้อยละ 20-30 ต่อปี หลังปี 66 โกยกำไร 3.6 พันล้านบาท รับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่พุ่ง 2.2 หมื่นล้าน อานิสงส์การเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลัก
นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยผลการดำเนินงานของธนาคารสิ้นปี 2566 (มกราคม – ธันวาคม 2566) มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่น มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารเท่ากับ 144,156.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,858.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักเนื่องมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลักของธนาคาร ทั้งสินเชื่อธุรกิจ “ไมโคร เอสเอ็มอี” สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขายและสินเชื่อบ้านแลกเงิน
ทั้งนี้ สอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ที่ 15,894.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 12,684.7 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 2,904.5 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณเงินให้สินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของธนาคาร ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารควบคู่การมุ่งเน้นบริหารจัดการ
ขณะที่ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดําเนินงานของธนาคารลดลงจากสิ้นปี 2565 เทียบกับสิ้นปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 39.5% เป็นร้อยละ 36.7% สาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพในการดําเนินงานที่ดีขึ้น จากเครื่องมือที่ธนาคารที่พัฒนานำมาใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าธนาคารมีรายได้จากการดําเนินงานต่อสาขา ปริมาณสินเชื่อต่อสาขา และปริมาณเงินฝากต่อสาขาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 3,556.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 2,352.5 ล้านบาท โดยอัตราส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในปี 2566 ของธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 8.2% ใกล้เคียงปีก่อนที่ร้อยละ 8.4% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินถัวเฉลี่ยของธนาคาร สอดคล้องกับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมาตรการลดหย่อนค่าเงินนําส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) สิ้นสุดลงในปี 2565 อย่างไรก็ตามกําไรสุทธิต่อส่วนของเจ้าของในปี 2566 (ROE) สูงขึ้นเป็นร้อยละ 22.31% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 18.94%
สำหรับแนวโน้มปี 2567 ธนาคารจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการระดมทุน (IPO) ในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการบริหารงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคาร เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโตในระดับร้อยละ 20-30 ต่อปี รวมทั้งมีผลตอบแทนสูง ด้วยโครงสร้างเงินทุนที่ต้นทุนต่ำ
นอกจากนี้ ธนาคารไทยเครดิตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้เท่าที่ควร รวมไปถึง บริการเงินฝาก และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารฯ ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคาร และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญา “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ”