AIT ตั้งเป้ารายได้ปี 67 แตะ 6.80 พันลบ. หลังตุนแบ็กล็อก 5,700 ล้านบาท
AIT ตั้งเป้ารายได้ปี 67 แตะ 6.80 พันล้านบาท หลังตุน “แบ็คล็อก” แน่น 5.7 พันล้านบาท เดินหน้าขยายฐานลูกค้าสร้างพันธ์มิตรทางธุรกิจ พร้อมพัฒนาระบบเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อขยายธุรกิจที่สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินงานประจำปี 2566 บริษัทมีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 6,514 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 3% เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2565 ที่มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 6,681 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 497 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 424 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมาบริษัทรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ โครงการงานจ้างพัฒนาระบบติดตามขบวนรถไฟและจัดการงานขนส่งสินค้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย, โครงการจัดหาและพัฒนาสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อการวิจัยและกำหนดนโยบายของสำนักงานประกันสังคม, โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและโครงการจ้างก่อสร้างปรับปรุงสถานีไฟฟ้าเสื่อมสภาพ สถานีไฟฟ้าบางสมัคร จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่มีผลกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นการตอกย้ำว่าบริษัทเป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท (สิบเจ็ดสตางค์) โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นี้
อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 11 เมษายน 2567 ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท (สิบห้าสตางค์) ที่จ่ายเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท (สามสิบสองสตางค์)
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้บริษัทมีแนวทางการดำเนินธุรกิจใน 5 เรื่องสำคัญ คือ 1.ขยายฐานลูกค้าสร้างการเติบโตของรายได้, 2.สร้างความสำพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท, 3.พัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับการทำงานที่ท้าทาย,4.พัฒนาระบบภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ 5.ขยายธุรกิจที่สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ให้ผลตอบแทนในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
อีกทั้งในปี 2567 บริษัทพร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้รวมที่ 6,800 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นปีนี้บริษัทมีมูลค่างานที่มีอยู่ในมือ (Backlog) ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 5,700 ล้านบาท รวมถึงจำนวนมูลค่างานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกจำนวน 235 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผน นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการเสนอราคา (Bidding in process) อีกประมาณ 1,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ การลงทุนในธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต รวมถึงการปลูกป่าสักเชิงเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 1,000 ไร่ ที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการปลูกต้นกล้าสักไปแล้ว 40-50% ในขณะเดียวกันได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานที่ได้วางไว้ ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม แม้การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่การลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน