PTTGC อัดงบลงทุนปี 67 แตะ 5 พันล้าน เน้นธุรกิจคาร์บอนต่ำ
PTTGC อัดงบปี 67 แตะ 100-150 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.4 พันล้านบาท) เดินหน้า 3 กลยุทธ์ เน้นธุรกิจคาร์บอนต่ำ รวมถึงผลักดันโครงการ “GEN S คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” ชวนทุกคนขับเคลื่อนโลกด้วย Net Zero Lifestyles พร้อมตั้งเป้าปริมาณขายปีนี้โต 7%
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปี 2567 นี้ เต็มไปด้วยความท้ายจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมหลายๆ ส่วน แต่ยังคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตในส่วนของปริมาณการขายได้ 7% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มีปริมาณยอดขายอยู่ที่ 13 ล้านตัน เป็นผลมาจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุง พร้อมกับความต้องการที่ฟื้นตัวช่วยให้มาร์จิ้นสูงขึ้น
โดยคาดการณ์ว่าความต้องการในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ได้ตามการฟื้นตัวเล็กน้อยของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และบริษัทยังปรับปรุงประสิทธิภาพภายในและการลดค่าใช้จ่ายลง รวมถึงการนำ Digital transformation มาใช้เบื้องต้น จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มอัตรากำไรได้ และมุ่งเน้นสร้างความแข็งแรงจากรากฐานภายใน ต้านภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งบริษัทได้รับแรงกดดันเศรษฐกิจจีนที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักชะลอตัว เป็นสาเหตุทำให้บริษัทอยู่ในภาวะอุปทานส่วนเกิน (Over Supply)
“ทั้งนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนปี 2567 ไว้ราว 100-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นี้ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับสัดส่วนเงินบาท/ดอลลาร์ที่ 36 บาท ณ วันที่ 16 ก.พ. 67) โดยจะนำไปใช้สำหรับปรับปรุงธุรกิจส่วนกลางของบริษัท และการลงทุนในบริษัทย่อย เช่น โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (ความร่วมมือระหว่าง บริษัท GC International Corporationบริษัทย่อยของบริษัท PTTGCและ NatureWorks) คาดการณ์ว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2568 รวมถึงการขยายธุรกิจต่างๆ และเดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ๆต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ” ดร.คงกระพัน กล่าว
ดร.คงกระพัน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มและแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการยะระดับศักภาพในกลุ่มธุรกิจเดิมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งรับมือกับความท้าทายในหลายๆด้าน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานมากขึ้น ในแนวทาง “High value, low carbon business” โดยใช้กลยุทธ์ 3 สเตป ได้แก่ Step Change, Step out และ Step Up ที่ดำเนินมาอย่างถูกทางแล้ว และปรับให้สอดคล้องกับ Industry Landscape เปลี่ยนแปลงไป
1) Step Change ปรับปรุงประสิทธิภาพและการควมคุมค่าใช้จ่าย ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจที่เน้นตลาด (Market-Focused Business) โดยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง โดยมีเป้าหมายไว้ที่ 56% ในปี 2571 และผลิตภัณฑ์นวัตกรรม
สำหรับความร่วมมือที่บริษัทตั้งใจและผลักดันมาโดยตลอด อาทิ ความร่วมมือกับ WHA ร่วมทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อการพัฒนาศักยภาพ และความสามารถในการแข่งขันในการให้บริการโลจิสติกส์นั้น ส่งผลให้ต้นทุนถูกลง และสร้าง Green Logistic พร้อมยังช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัทได้มากขึ้น และผลักดันความร่วมมือกับ Allnex Holding GmbH ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภทจะช่วยสร้างการเติบโตธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยการใช้ Innovation ของบริษัท และทำรายได้ในภูมิภาคเอเชียและจีนเป็นหลัก โดยคาดการณ์ว่าจะผลักดันทำให้ไทยเป็น South East Asia Hub ของ Allnexได้
2) Step out บริษัทแสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างการเติบโต ซึ่งได้ดำเนินการหาพันธมิตรและความร่วมมือทางการค้าใหม่ๆอยู่เสมอในกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core Business) และการดูแลต้นทุนของ Allnex พร้อมขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Bio & Circularity) และมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล รวมถึง Bio-Refinery โดยผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปผลิตภัณฑ์ต่างๆได้มากมายในหลายอุตสาหกรรม
โดยการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และ Non-Core Business นั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวกับไฮโดรเจนและคาร์บอน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่มีในธุรกิจไฮโดรคาร์บอน สร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ได้วางไว้ โดยที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือศึกษาเทคโนโลยีการพัฒนาโรงงานปิโตรเคมีระหว่าง PTTGC กับ บริษัท มิตซูบิชิ ฮีวี่ อินดัสทรี เอเชียแปซิฟิก จำกัด หรือ MHI-AP โดยมี 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความเป็นไปได้ในการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย เป็นเชื้อเพลิงสำหรับกังหันแก๊ส (Gas Turbine) และเทคโนโลยีการดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และศึกษาหาแนวทางการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพในระบบดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสมสำหรับกระบวนการผลิตไฮโดรเจน หรือ Steam Methane Reforming (SMR)
3) Step Up สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยบริษัทดำเนินงานด้านลดการปล่อบก๊าซเรื่องกระจกและคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 รวมถึงรักษาระดับความเป็นผู้นำในพอร์ตของบริษัทต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency-driven)การดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้พลังงาน และปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานคาร์บอนต่ำ
รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจระยะยาวมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Portfolio-driven)บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจ Performance Material ของ allnexและธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงของ ENVICCO โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าการดำเนินธุรกิจตามปกติ (GHG Avoidance) รวมกว่า 630,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และการดำเนินงานเพื่อกักเก็บและชดเชยคาร์บอน (Compensation-driven) ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ (Technology-based Solutions)
“ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทมีความุ่งมั่นและตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำผู้ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลที่ยืนหนึ่งด้านความยั่งยืน และในปี 2567 นี้ บริษัทจึงต่อยอดแนวคิด “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” พร้อมชวนทุกคนมาเป็น “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” สร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles ร่วมกู้โลก สนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างความตระหนักและความเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น” ดร.คงกระพัน กล่าวทิ้งท้าย