“หุ้นเอเชีย” เปิดผันผวน จับตา “ตลาดหุ้นจีน” เปิดซื้อขายหลังหยุดยาว
“ตลาดหุ้นเอเชีย” เช้านี้เปิดผันผวน นักลงทุนจับตา “ตลาดหุ้นจีน” เปิดซื้อขายวันนี้ หลังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 20.69 จุด อานิสงส์ยอดการเดินทางท่องเที่ยว-การใช้จ่ายช่วงตรุษจีนพุ่ง คลายกังวลภาวะเศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นเอเชีย วันนี้ (19 ก.พ. 67) เปิดภาคเช้าไร้ทิศทาง โดยนักลงทุนจับตาตลาดหุ้นจีนเปิดการซื้อขายอีกครั้งเป็นวันแรกในวันนี้ หลังจากตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันประธานาธิบดี
โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,334.47 จุด ลดลง 5.49 จุด หรือ -0.03% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีน เปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,886.59 จุด เพิ่มขึ้น 20.69 จุด หรือ +0.72% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,473.41 จุด ลดลง 13.83 จุด หรือ -0.03%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ยอดการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลงอย่างหนักจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดและวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนเอาไว้ที่ระดับ 2.50% โดยนักวิเคราะห์มองว่าธนาคารกลางจีนมีเป้าหมายที่จะป้องกันความผันผวนของเงินหยวน ทั้งนี้ การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีขึ้นก่อนที่ธนาคารกลางจีนจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ. 67) โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ด้านสำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (19 ก.พ. 67) ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือน ธ.ค. 66 เมื่อเทียบเป็นรายเดือน มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.5% ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐาน ซึ่งมีความผันผวนสูงและถือเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายด้านการลงทุนในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลง 0.7% ในเดือน ธ.ค. ดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอาจลดลง 1.4%