BBGI ปักธงรายได้ปี 67 โต 30% รับดีมานด์ “น้ำมัน-เชื้อเพลิงชีวภาพ” สดใส
BBGI ส่งซิกธุรกิจน้ำมันและเชื้อเพลิงชีวภาพสดใส รับความต้องการเพิ่มจาก “BCP-BSRC” ดันยอดขายโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้ารายได้ ปี 67 โตกว่า 30% จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น เร่งเดินหน้าสนับสนุนการตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิง SAF ที่กำหนดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ช่วงปลายปี 2567-2568
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 2566 กลับสร้างฐานกำไรที่ดี โดยในช่วงไตรมาส 4/2566 มีปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวและฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต และเริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เข้าซื้อ หลักทรัพย์บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC ส่งผลให้ยอดขายและผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปรับดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก และมียอดขายไตรมาส 4/2566 ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และสนับสนุนบริษัทมีผลประกอบการทั้งปีพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจำนวน 10 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีปัจจัยกดดันทางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ นโยบายยกเลิกการสนับสนุนแก๊สโซฮอล์ E85 จากกองทุนน้ำมันของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้เอทานอลปรับลดลง และภัยแล้งกระทบผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลต่อธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทปรับลดลงอย่างมาก บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ในการบริหารงานระหว่างปี รวมถึงปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ
อย่างไรก็ดี ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก BCP และ BSRC จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2567 โดยตั้งเป้ารายได้โตขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 30% ซึ่งบริษัทได้เตรียมแผนบริหารการผลิตและบริหารการขายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) จากน้ำมันทอดอาหารใช้แล้ว และดำเนินการก่อสร้างโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Contract Development and Manufacturing Organization – CDMO) เพื่อเตรียมพร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2567 ถึงปี 2568