“หอการค้าไทย” ชี้ GDP ปี 67 โต 3% รับส่งออกฟื้น หนุนไทยสู่ฮับโลจิสติกส์

“หอการค้าไทย” คาดการณ์ GDP เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ราว 2.8-3.3% รับภาคการส่งออกคาดการณ์ว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก หนุนไทยสู่ฮับโลจิสติกส์


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น ทางหอการค้าไทยประเมิน GDP หรือเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ราว 2.8-3.3% จากปี 2566 โดยภาคการส่งออกคาดว่าน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า และนโยบายการต่างประเทศเชิงรุกของรัฐบาลที่เน้น 10 ประเทศ เป้าหมาย จะมีส่วนขยายการส่งออกได้ทั้งปีราว 2-3 % ส่งผลต่อเนื่องให้กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าและการจัดการขนส่งเติบโตได้ดีเช่นกัน กลายเป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งไทยคือศูนย์กลางการขนส่งที่ครบวงจรของภูมิภาค

ทั้งนี้การที่ภาครัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง มุ่งยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งทางราง ถนน น้ำและอากาศ ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อของระบบขนส่งเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยมีความต้องการคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูง โดยตลาด e-Commerce เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้รูปแบบโลจิสติกส์ไทยเปลี่ยนแปลงไป เห็นได้ชัดในสถานการณ์ Covid-19 ตลาด e-Commerce ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขขยายตัวถึง 26% ต่อปี ส่งผลทำให้กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าเติบโตแบบก้าวกระโดด

อย่างไรก็ดีธุรกิจคลังสินค้าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ และเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจที่สามารถกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศได้ ในปัจจุบันระบบคลังสินค้ามีการปรับเปลี่ยนสู่ระบบอัจฉริยะ ที่นำระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี จนถึงระบบอัตโนมัติ เข้ามาสนับสนุนธุรกิจ สามารถช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการขยายสายป่านของผลิตภัณฑ์และขอบเขตการให้บริการได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ทำให้ระบบอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไทยสามารถขยายตัวอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ดังนั้นจากปัจจัยทั้งหมดนี้ทางหอการค้าไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มเติบโต รวมถึงมีเป้าหมายสนับสนุนให้ไทยเป็นฮับหรือศูนย์กลางการขนส่งที่ครบวงจรของภูมิภาค จึงได้มีความร่วมมือกับ โคโลญเมสเซ่ เตรียมจัดงานแสดงสินค้าสุดยอดเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะและระบบจัดการ ภายใต้ชื่อ “LogiMAT Southeast Asia – LogiFOOD Southeast Asia 2024” ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ซึ่งการจัดงานดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีและมีความสำคัญมาก ในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความเหมาะสมให้เข้ามาเป็นส่วนช่วยทำให้ธุรกิจอินทราโลจิสติกส์ (Intralogistics) ในประเทศไทยเกิดการเติบโตได้อย่างมั่นคง

นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดงาน “LogiMAT Southeast Asia – LogiFOOD Southeast Asia 2024” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติ การประชุมทางวิชาการ และกิจกรรมพิเศษที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ ระบบการจัดการผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีทางด้านโลจิสติกส์อาหาร ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในคลังสินค้า ระบบขนส่งครบวงจร ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยปีนี้ ได้มีการปรับรูปแบบงานใหม่ จากเดิมในชื่อ “LogiMAT | Intelligent Warehouse” มาจัดพร้อมกัน 2 งานในพื้นที่เดียวกัน และได้ย้ายมาจัดยังสถานที่ใหม่ ณ ฮอลล์ 101 ไบเทค บางนา การปรับรูปแบบงานครั้งนี้ เพื่อแสดงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อาหาร ถือเป็นงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์อาหารครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อนึ่ง ความร่วมมือแสดงสินค้าที่อยู่ภายใต้เครือระดับโลกอย่าง “Anuga FoodTec” ซึ่งเป็นกลุ่มงานแสดงสินค้าที่ให้บริการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ เทคโนโลยีอินทราโลจิสติกส์ โซลูชั่น Food Logistics รวมถึงผลิตภัณฑ์ การบริการ และองค์ความรู้อีกมากมาย ที่ได้รับการนำเสนอจากผู้จัดแสดงและพันธมิตรในหลากหลายประเทศ ทั้งไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ รวมกว่า 20 ประเทศ ที่เข้ามาร่วมจัดแสดงสินค้าในปีนี้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมยังช่วยยกระดับให้งาน LogiMAT เติบโตไปอีกขั้น

ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายของงานในปีนี้ เพื่อการยกระดับให้พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางด้านอินทราโลจิสติกส์แห่งอนาคต ซึ่งด้วยจำนวนผู้ร่วมงานคาดการณ์กว่า 6,000 คน ที่จะได้มาพบปะกับผู้จัดแสดงสินค้าที่เป็นตัวจริงในอุตสาหกรรมมากกว่า 90 บริษัท ครอบคลุมห่วงโซ่โลจิสติกส์ รวมถึงผู้ประกอบการอุปกรณ์จัดเก็บอาหาร บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตร

ต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมประมวลผล ระบบทำความเย็นขั้นสูง เป็นต้น จะทำให้เกิดภาพของการเจรจาซื้อ-ขาย และนำไปสู่การสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศที่มั่นคง

โดยเฉพาะการได้ร่วมพูดคุยกับแนวหน้าของอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค อย่างกลุ่ม China Pavilion รวมถึงกลุ่ม German Pavilion ที่มีนวัตกรรมพัฒนาขึ้นจากการสนับสนุนโดยรัฐบาลประเทศเยอรมนี ที่สำคัญในฐานะที่เป็นผู้จัดงาน เรายังได้นำเสนอเทคโนโลยีการรักษาคุณภาพและความสดใหม่สำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อาหาร ในโซน Food Logistics ซึ่งถือเป็นโซลูชั่นด้านการจัดการคลังสินค้าห้องเย็น ด้านอาหารแห่งใหม่ของอาเซียนอีกด้วย

อย่างไรก็ดี สามารถเชื่อมั่นงาน “LogiMAT Southeast Asia – LogiFOOD Southeast Asia 2024” จะเป็นตัวกลางสำคัญในการเพิ่มพูนความรู้กับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ และยังช่วยเป็นเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ ผลักดันความก้าวหน้าของผู้ประกอบการในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตที่มีบทบาทในการขนส่งวัสดุภายในโรงงาน ศูนย์กระจายสินค้า บริการพัสดุ โกดังสินค้า ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล หรือภาคส่วนอุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้ง ฟู้ดรีเทล ค้าปลีกค้าส่ง อีคอมเมิร์ซ ที่จะได้รับการส่งเสริมผ่านโซลูชั่น Cold Chain หรือการบริหารจัดการคลังสินค้าห้องเย็นที่เพิ่มเข้ามาภายในงานปีนี้

โดยงานดังกล่าวจัดแสดงระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2567 ณ ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนร่วมงาน ได้ที่ www.logifood-sea.com และ www.logimat-iw.com | www.facebook.com/logimatIW

Back to top button