III เปิดกลยุทธ์ “Logistics and Beyond” ลุ้นปิด 4 ดีลใหม่ ดันรายได้โต 15%
III โชว์ผลงานปี 66 รายได้รวม 1,764 ล้านบาท ดันกำไรโต 866 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 โตเพิ่ม 15% พร้อมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ด้วยการ Synergy เชื่อมโยงทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจจากพันธมิตร เตรียมปิด 3-4 ดีลใหม่ปีนี้ ตอกย้ำการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยยุทธศาสตร์ “Logistics and Beyond”
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงตัวหรือติดลบ แต่ในส่วนของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2566 มีรายได้รวม 1,764.5 ล้านบาท สร้างผลกำไรสุทธิ จำนวน 866.2 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนหน้า 8.9% และมีกำไรสุทธิหลังหัก กำไรจากรายการพิเศษเติบโตร้อยละ 18.2%
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวมาจากทั้งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งสามารถรักษาระดับการทำกำไรและยังมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี รวมถึงบริษัทฯ ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ซึ่งมีการลงทุนผ่านรูปแบบการร่วมทุนกิจการร่วมค้า (JV) และการลงทุนเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) ที่มุ่งเน้นการใช้ความเชี่ยวชาญจากธุรกิจหลักด้านโลจิสติกส์ เข้าไปขับเคลื่อนต่อยอดผลิตภัณฑ์บริการใหม่ๆ เพื่อสร้างความต้องการ (Demand) ใหม่ๆ และสามารถใช้ศักยภาพของเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่ บริษัทฯ มีอยู่ในการขยายพื้นที่การทำธุรกิจออกไปนอกประเทศไทย ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก
สำหรับแผนหลักที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตปี 2567 ยังคงเน้นการพัฒนาธุรกิจใหม่ และการขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการ Synergy เชื่อมโยงทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่จากพันธมิตร มุ่งขยายการลงทุนหลักไปที่กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดและคาดว่าจะเป็นเรือธงของปีนี้ นั่นคือ การขนส่งทางอากาศ โดยบริษัทฯ จะโฟกัสไปที่การร่วมลงทุนกับพันธมิตรโลจิสติกส์ใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบ JV และ M&A ที่คาดว่าภายในก่อนสิ้นปีจะบรรลุข้อตกลงได้อีก 3-4 ดีล
“ปัจจัยบวกต่อการเติบโตปีนี้ มีทั้งเรื่องอัตราค่าระวางทางเรือ/ทางอากาศ ซึ่งผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มทรงตัว หรืออาจปรับสูงขึ้นในบางเส้นทาง รวมถึงปัจจัยบวกจากกลยุทธ์ Logistics and Beyond ของเรา ที่จะเห็นการเติบโตจากการลงทุนใหม่ๆ และจากการเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจของพันธมิตรที่เราวางแผนไว้แล้ว โดยมีการขยายพื้นที่ การทำธุรกิจออกไปครอบคลุมหลายประเทศ มีผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ ซึ่งปีนี้จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนและโดดเด่น” นายทิพย์ กล่าว
สำหรับบริษัทร่วมทุนของ III อย่าง บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค ซึ่งเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ก็เตรียมเดินหน้าขยายประเทศให้บริการเพิ่มอีก 3 ประเทศ ที่ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ อินเดีย เกาหลี และญี่ปุ่น จากเดิมมีพื้นที่ทางธุรกิจครอบคลุม 10 เมืองใน 8 ประเทศเอเชีย จากนั้นระยะต่อไปวางเป้าหมายขยายออกไปนอกทวีปเอเชีย
โดยจะกลายเป็นบริษัทระดับภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ ปัจจุบันรายได้หลัก 85% มาจากต่างประเทศ ขณะที่รายได้ส่วนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอยู่ที่ 15% อีกทั้งปีนี้ จะมีการทำธุรกิจที่ร่วมมือกันระหว่าง III และ ANI โดยจะเริ่มให้บริการด้าน Freighter Service ด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าโดยเฉพาะและมีเส้นทางบินของตัวเอง
นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวบริการที่เรียกว่า “Same Day Asia” คือบริการส่งสินค้าภายในภูมิภาคได้ภายในวันเดียว เพราะเห็นความต้องการของตลาดในกลุ่ม E-Commerce สินค้ากลุ่มอาหารสด อาหารแช่แข็ง ผักและผลไม้สด ที่มีความจำเป็นต้องส่งแบบเร่งด่วน โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ III ที่มีเครือข่ายการบินด้าน Air Cargo ครอบคลุมทั่วเอเชีย เป็นจุดเชื่อมโยงและต่อยอด
ขณะที่บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจบริการภาคพื้นสนามบินและผู้โดยสาร รวมทั้งธุรกิจการให้บริการคลังสินค้า ก็กำลังเดินหน้าหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้
ทั้งหมดนี้ทำให้มั่นใจว่า III จะสามารถเติบโต 15% ตามเป้าหมายของปี 2567 และเติบโตต่อเนื่องด้วยความมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน