BBIK กางแผนปี 67 ลุยตลาดตปท.-ซื้อหุ้น “อินโนวิซ” เพิ่มอีก 30% ดันรายได้เข้าเป้าโต 50%

BBIK กางแผนปี 67 ลุยงานดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันต่างประเทศ พร้อมเข้าซื้อหุ้น Innoviz เพิ่มอีก 30% ดันถือรวม 85% งบลงทุน 230 ล้านบาท ภายใน ก.พ.นี้ ดันรายได้เข้าเป้าโต 50% ตุนแบ็กล็อกแน่น 863 ล้านบาท จ่อรับรู้รายได้ปีนี้ 579 ล้านบาท


นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า แนวโน้มสำหรับปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% โดยมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูง อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตต่อเนื่อง โดยใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั่วโลกยังเติบโตถึง 10% หรือราว 2.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และต่อยอดการเติบโตของบริการหลักจากเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เช่น เทรนด์การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Agile, เทรนด์ด้าน Generative AI และเทรนด์การโจมตีทางด้านไซเบอร์

ทั้งนี้ บริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปี 67 เพิ่มขึ้นจากการเข้าถือครองหุ้น Innoviz เพิ่มจาก 55% เป็น 85% ด้วยงบลงทุน 230 ล้านบาท คาดการณ์ว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ. 67 นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทมีแผนจะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 15% เพื่อถือครองหุ้น Innoviz ให้ครบทั้ง 100%

ทั้งนี้บริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตในส่วนของตลาดต่างประเทศที่ 10% ในปีนี้ ขณะเดียวกันสัดส่วนรายได้ปัจจุบันมีในส่วนงานเอกชนประมาณกว่า 90% แต่ก็มีที่จะขยายฐานในส่วนของงานภาครัฐเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนรายได้จากบริษัทร่วมคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ส่วนปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีเพิ่มเติมจากบริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (BBVC) รวมถึงบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ (Innoviz) และบริษัท Bluebik Nexus ที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติในครึ่งปี

สำหรับ Backlog ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 มีมูลค่าราว 863 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากบลูบิค 709 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 154 ล้านบาท โดยในส่วนของ BBIK เตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้ 579 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้หลังจากปี 2567 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้

นอกจากนี้บริษัทเตรียมประกาศมติประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2567 ที่ได้มีการอนุมัติและเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการจ่ายปันผลจากผลดำเนินงานงวดปี 2566 มูลค่า 0.80 บาท/หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 108,882,400 หุ้น โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญปันผลจำนวนไม่เกิน 45.57 ล้านบาทหรือ 0.4185 บาทต่อหุ้น และเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 41.54 ล้านบาท หรือ 0.3815 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 30 เม.ย. 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พ.ค. 2567

สำหรับผลประกอบการประจำปี 2566 เติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท โต 133% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนผ่านการเติบโตในส่วนงานด้านบริการที่ปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กร (Digital Excellence & Delivery) และบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Big Data & Advanced Analytics) รวมถึงความสำเร็จในการดำเนินแผนยุทธศาสตร์การสร้าง Synergy ระหว่างบริษัทในเครือ ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานได้มากขึ้น

ส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4 ประจำปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) และมีรายได้ 372 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11%

Back to top button