SICT กวาดรายได้ปี 66 โต 11% จ่อปันผล 0.035 บาท ขึ้น XD 2 พ.ค.นี้

SICT รายงานงบปี 66 กำไรแตะ 140 ล้านบาท กวาดรายได้แตะ 666 ล้านบาท โต 11% บอร์ดเตรียมจ่ายปันผล 0.035 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค.67 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล 23 พ.ค.67 พร้อมเดินหน้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง


บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ผู้ออกแบบและจำหน่ายไมโครชิพอัจฉริยะสัญชาติไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายประเทศทั่วโลก รายงานผลประกอบการสำหรับปี 2566 ด้วยการเติบโตของรายได้ที่ 11% จากปีก่อนหน้า บรรลุเป้าหมายในการเติบโตของรายได้รวมที่ 10-15% ตามที่คาดการณ์ไว้ แม้มีปัจจัยท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น

รายได้รวมของบริษัทในปี 2566 มีจำนวน 666.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์เป็นหลัก ซึ่งเติบโตขึ้นมากถึง 37% จากปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของตลาดระบบลงทะเบียนสัตว์ อันเนื่องมาจากความคืบหน้าเรื่องการบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Identification tag) ในกลุ่มแกะและแพะเพิ่มเติมในทวีปออสเตรเลีย และแนวโน้มใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มประเทศอื่นๆเพิ่มเติม โดยรายได้ในกลุ่มดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนหลักของรายได้รวมที่ 46% ส่วนของกลุ่ม IoT ในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 จากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มลูกค้าหลักในเอเชียและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็น 32% ของรายได้รวม กลุ่ม NFC และอื่นๆเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า จากรายได้กลุ่ม NFC เพื่อป้องกันการปลอมแปลงที่เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนเป็น 2% ของรายได้รวม

ทั้งนี้กลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer) มีรายได้ลดลง 23% จากปี 2565 จากการชะลอตัวของรายได้จากลูกค้าหลักในสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยในกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็น 20% ของรายได้รวม

ช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีปัจจัยท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณความต้องการลูกค้าของบริษัท ทั้งนี้บริษัทได้มีการวางแผนงานร่วมกับลูกค้าและคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและมีการดำเนินการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยบริษัทเห็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในภาพรวมที่ปรับตัวดีในช่วงท้ายของปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นต่อไปทีละภาคส่วนในช่วงปี 2567

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทต้องเร่งดำเนินการสะสมสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการผลิตระหว่างการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีการผลิตไปสู่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับกับแผนงานของบริษัทในระยะยาว ด้านการป้องกันความเสี่ยงทางด้านห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มผลกำไรจากการออกแบบชิปโดยใช้สถาปัตยกรรมที่ก้าวหน้ากว่าเดิม จึงส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงคลังของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยปริมาณสินค้าคงคลังได้ถึงระดับที่สูงที่สุดแล้วในปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามแผนดำเนินการ และจะค่อยๆทยอยปรับตัวลดลงหลังจากนี้ตามการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าตามแผนการที่ได้ทำความร่วมมือกับทางลูกค้าไว้

ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 2 ผลิตภัณฑ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Industrial IoT และ กลุ่ม NFC ซึ่งสร้างรายได้ไปแล้วในช่วงครึ่งหลังของปี2566 นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติ่มตามโรดแมประยะยาว เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดในอนาคตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการเดินทางไปพบปะกับกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ต่อเนื่องไปในปี 2567

โดยจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ บริษัทคว้ารางวัลในกลุ่ม “Business Excellence” จากงาน SET Award ประจำปี 2566 ได้ถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล ”Best Company Performance Awards” รางวัล Best Innovative Company Awards” และรางวัล “Outstanding Investor Relations Awards” สำหรับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ประจำปี พ.ศ.2566 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้อยู่ในระดับ “A” และยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2566 อยู่ในเกณฑ์ “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อีกด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติเห็นชอบการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2566 เป็นเงินสด ในอัตรา 0.035 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงินรวม 16,799,996 บาท  โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลเป็นวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 โดยไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2567

Back to top button