DOD กางแผนปี 67 ชู “4 Key Success Factors” ดันธุรกิจเทิร์นอะราวด์

DOD กางแผนปี 67 ชู 4 Key Success Factors “รักษาลูกค้าเดิม-เพิ่มเติมลูกค้าใหม่-ควบคุมต้นทุนเพิ่มกำไร-ลงทุนนวัตกรรมตอบโจทย์การขาย” พร้อมแตกไลน์สินค้าใหม่ ดันธุรกิจ “เทิร์นอะราวด์” ต่อเนื่อง


นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสำเร็จด้านผลการดำเนินงานโดยงบปี 2566 บริษัทฯ สามารถเทิร์นอะราวด์ ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมีรายได้จากการขายที่ระดับ 678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน ส่งผลให้พลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงาน 15 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 7 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 406 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปี 2566 ได้แก่

1.งบเดี่ยวของบริษัทมีผลกำไรสุทธิที่ 31 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีผลขาดทุนสุทธิที่ 314 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษเป็นการตั้งสำรองหนี้ของลูกค้ารายใหญ่ โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการหาลูกค้ารายใหม่เข้ามาส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดที่ระดับ 161% จากปีก่อน

2.การเข้าลงทุนซื้อกิจการในบริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL) โดย DOD ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 89.29 ของหุ้นทั้งหมด โดยดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้แบรนด์ “Auswelllife” ซึ่งบริษัทฯ เป็นเพียงรายเดียวในตลาดที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริมคุณภาพสูง “AWL” ในประเทศไทย ซึ่งการเข้าไปลงทุนดังกล่าวส่งผลให้มีกำไรเข้ามาทันที

“ในอดีตที่ผ่านมารายได้เกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภท OEM นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป โครงสร้างรายได้ของบริษัทมีการเปลี่ยนไป โดยรายได้หลักจะมาจากธุรกิจที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน คือ บริษัท ออสเวลไลฟ์ ซึ่งเป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรีเมียมนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งหนุนให้ภาพรวมของ DOD ทั้งปีพลิกเป็นผลกำไรสุทธิได้ทันที” นายต่อลาภ กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ วางยุทธ์ผ่านการขับเคลื่อน 4 Key Success Factors ได้แก่ 1.การรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ 2.การหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา 3.การควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และ 4.การลงทุนในนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การขายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้บริษัทฯ เทิร์นอะราวด์ต่อเนื่องจากปีก่อน

อย่างไรก็ดีจากกลยุทธ์ดังกล่าวจะสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ จะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีศักยภาพในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกเดือน ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้ารายใหม่ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในตลาดอยู่แล้วจะมาผลิตที่ DOD จำนวน 5 ราย โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเตรียมออกผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจำหน่ายในตลาดเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้ารายขนาดกลางที่มีศักยภาพในการสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่สูง อีกกว่า 10 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตรร่วมกับบริษัทฯ เพื่อออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเร็วๆ นี้เช่นเดียวกัน

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้กับกลุ่มลูกค้ารายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 30 ล้านบาท โดยออเดอร์ดังกล่าวไม่รวมยอดการสั่งผลิตซ้ำของลูกค้าเดิม (Repeats) ซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ มีแผนลงทุนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มในรูปแบบกัมมี่ (Gummies) เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะใช้งบลงทุนในการซื้อเครื่องจักรกว่า 10 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์รูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีความหลากหลายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบกัมมี่เป็นเทรนที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก

อีกทั้งหากบริษัทฯ เพิ่มไลน์ผลิตในรูปแบบดังกล่าวเข้ามาจะส่งผลการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ DOD มีไลน์การผลิตครบทุกรูปแบบในทุกประเภท ทั้งซอฟเจล แคปซูล เจล เจลลี่ ผงชงดื่ม สารสกัดน้ำเข้มข้น ซอฟเจล ตอกเม็ด โพรไบโอติค ซองกรอกปาก และ กัมมี่ ซึ่งตอบโจทย์การเป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของประเทศไทยที่ครบวงจร ภายใต้มาตรฐานและศักยภาพการผลิตระดับเดียวกับการผลิตยา

สำหรับ “ออสเวลไลฟ์” ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเน้นดูแลรักษาตัวแทนเดิมที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า1,000 ราย ขณะเดียวกันเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จำนวน 2 SKU จากประเทศออสเตรเลียมาจำหน่ายภายในไตรมาสแรกของปีนี้

Back to top button