RBF ดีด 3% รับกำไรปี 66 โต 35% แตะ 649 ล้านบาท จ่ายปันผล 0.175 บ.
RBF ดีด 3% ตอบรับผลงานปี 66 รายได้โต 11.61% กำไรเพิ่ม 34.58% บอร์ดเคาะจ่ายปันผลเงินสด 0.175 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พ.ค. 67 เผยทิศทางธุรกิจปี 67 มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งของธุรกิจรองรับเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 10-15%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ก.พ. 67) ราคาหุ้น บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ณ เวลา 11:46 น. อยู่ที่ระดับ 12.10 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.54% สูงสุดที่ระดับ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.96 ล้านบาท
ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RBF ผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น อังเคิลบาร์นส์, เบสท์ โอเดอร์ และ super-find เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2566 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 649.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.58% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 482.27 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 4,421.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 459.90 ล้านบาท หรือ 11.61% จากปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 3,961.21 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากการขายและให้บริการที่เพิ่มขึ้น 459.90 ล้านบาท มาจากการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ และกลุ่มลูกค้า โดยตลาดต่างประเทศสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 392.63 ล้านบาท เติบโต 48.01% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และตลาดภายในประเทศที่สามารถปิดยอดขายเพิ่มขึ้น 67.27 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเพิ่มมากที่สุด ได้แก่กลุ่มแป้งและซอส 331.77 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้าเติบโตโดดเด่นมากสุดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม จำนวน 267.02 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.175 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ค. 2567
ดร.สมชาย กล่าวเพิ่มเติม ถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน พร้อมเร่งสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งของธุรกิจรองรับเติบโตของตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายกำลังการผลิตในต่างประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิต ทั้งในประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย และอินเดีย รวมถึง การมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าในผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่มของบริษัท การพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน เช่น น้ำหวานสูตรเข้มข้น ภายใต้แบรนด์ “เฮลโหลโฟร์อีฟ” และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสัตว์ ตลอดจน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สอดรับกับเทรนด์ที่กำลังมา
“บริษัทคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2567 จะเติบโตดับเบิลดิจิตต่อเนื่องจากปี 2566 โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดียังคงเป็นกลุ่มวัตถุแต่งกลิ่น รสและสีผสมอาหาร รวมถึงกลุ่มแป้งและซอส พร้อมรุกขยายฐานต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” ดร.สมชาย กล่าว