“ครม.” ลุยขับเคลื่อน “อุตฯฮาลาลไทย” สู่ฮับอาเซียนภายในปี 71
“ครม.” รับทราบ 3 หลักการเพื่อขับเคลื่อน “อุตสาหกรรมฮาลาลไทย” หวังเปิดตลาดใหม่และยกระดับสู่ผู้นำอาเซียน ภายในปี 71
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (27 ก.พ.67) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่ ASEAN Halal Hub ภายในปี 2571 และมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการขับเคลื่อนแผนงานตามแนวทาง ประกอบด้วย การแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย (ด้านฮาลาล), การจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) และให้นำเรื่องการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยและกรอบการดำเนินงานของศูนย์
ทั้งนี้ เสนอสำนักงาน ก.พ.ร.พิจารณา รวมทั้งให้นำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2567-2571) เสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ภาคอุตสาหกรรมได้กว่าร้อยละ 1.2 ใน 5 ปี พร้อมสร้างงานสร้างอาชีพ กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในทุกพื้นที่เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
โดยอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งในระดับสากลมีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 7.5% ต่อปี จนถึงปี 2567 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2567 การเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมดจะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5% โดยในส่วนของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.1%
สำหรับประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) จำนวน 216,698 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาล อาทิ ข้าว, ธัญพืช, น้ำตาลทราย และมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย รวมถึงมีร้านอาหารฮาลาล 3,500 ร้าน ซึ่งยังมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูงได้อีกมาก อาทิ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศบรูไน
โดยประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศผู้นำเข้าอาหารฮาลาลสำคัญของโลก โดยมีมูลค่านำเข้าในปี 2565 สูงถึง 22,571 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 4.2% และเป็นแหล่งกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศกลุ่มตะวันออกกลางอื่นๆ อาทิ คูเวต, โอมาน, สหรัฐ,อาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), กาตาร์ และบาห์เรน สำหรับประเทศบรูไน เป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพและมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการฮาลาลไทยในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก โดยมีมูลค่านำเข้าสินค้าฮาลาลรวม 580 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเติบโตร้อยละ 7.8 สำหรับแผนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม โดยผ่าน 3 กลไกหลัก คือ
1.การจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยระยะ 5 ปี (พ.ศ.2567-2571) ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยทั้งระบบ และใช้เป็นกรอบในการบูรณาการอุตสาหกรรมฮาลาลกับแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมแฟชั่น, การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม soft power ต่างๆ ขณะนี้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวเสร็จแล้ว พร้อมเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามลำดับ
2.จัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย เพื่อขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าว และแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย (ด้านฮาลาล) โดยศูนย์นี้จะทำหน้าที่เป็น National Focal Point ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีภารกิจครอบคลุมด้านการขยายตลาดสินค้าฮาลาลไทยไปทั่วโลก และยกระดับการผลิตเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทย รวมทั้ง บูรณาการงานส่งเสริมเรื่องฮาลาล ซึ่งกระจายอยู่ในหน่วยงานต่างๆ พัฒนาที่เกี่ยวข้องในเรื่องฮาลาล อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์ และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ), กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม), กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา), กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ
หลังจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเรื่องการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยและกรอบการดำเนินงานของศูนย์ เสนอสำนักงาน ก.พ.ร.พิจารณา จะมีการประเมินผลในระยะ 1 ปีแรก เพื่อปรับบทบาทตามความเหมาะสม
3.การแต่งตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และมีองค์ประกอบของคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาสินค้าฮาลาลโดยเชื่อมโยงเอกลักษณ์ Soft power ไทย และการจำหน่ายในประเทศ การส่งออก รวมทั้งบูรณาการมาตรการ แผนงาน และงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดทำคำของบประมาณเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวในปี 2567 จำนวน 95 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ซึ่งในระยะแรกจะสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของสินค้าฮาลาลไทย และการขยายตลาดสินค้าฮาลาลไทยไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยการจัดทำ MOU ในตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ อาทิ ประเทศซาอุดีอาระเบีย กรอบความร่วมมืออินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และกรอบความร่วมมือไทย-บรูไน เป็นต้น” น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว
นอกจากนี้มีการกำหนดจัดงาน Kick off เปิดตัวกิจกรรมต่างๆ ตามแผนที่วางไว้ได้ประมาณเดือนเมษายน 2567 โดยจะมีการเชิญเชฟอาหาร ที่มีชื่อเสียงรังสรรค์เมนูอาหารฮาลาลที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย พร้อมเชิญ Influencer และทูตจากนานาประเทศเข้าร่วมงาน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล รวมทั้งจัดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยที่มีศักยภาพพร้อมส่งออกนำเสนอโปรโมทสินค้า เพื่อเป็นการเปิดตลาดสินค้าฮาลาลไทยสู่สากล