ITEL โชว์กำไรปี 66 โตเฉียด 300 ล้าน ปันผล 0.0696 บาท ขึ้น XD 7 พ.ค.นี้

ITEL โชว์รายได้ปี 66 โต 2,760 ล้านบาท กำไรแตะ 272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เค้าปันผล 0.0696 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหาย XD 7 พ.ค.นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 67 ที่ 3,500 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อกกว่า 2,769 ล้านบาท พร้อมนำ “บลู โซลูชั่น” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปีนี้


ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 2,760 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการเติบโตในทุกธุรกิจ และความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจ Data Service, Data Center และ Installation

รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการบริษัท โกลบอล ลิโธทริปซี่ย์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ Global Lithotripsy Services Company Limited หรือ GLS โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ ในไตรมาส 1/2567 และจากผลประกอบการงวดปี 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0696 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 พ.ค. 67 และกำหนดจ่ายเงินวันที่ 23 พ.ค. 67 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 7 พ.ค. 67

ดร.ณัฐนัย กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นรักษาฐานลูกค้าเก่า และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีมาอย่างยาวนาน ประกอบกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ มาสนับสนุนภาคธุรกิจในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี Digital Transformation ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมายกระดับการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์เทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานโดยรวมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2567

อย่างไรก็ดีบริษัทเดินหน้าตามเป้าหมายที่วางกลยุทธ์ไว้ได้ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ทั้งการเติบโตในธุรกิจ Health Tech ตามกลยุทธ์ New S-Curve โดยการเข้าลงทุนใน GLS ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน CT Scan / MRI Scan และยังเป็นบริษัทย่อยของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก Sodexo จากประเทศฝรั่งเศส มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากว่า 27 ปี รวมถึงยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งทั้งการเติบโตด้านรายได้และกำไร มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต อีกทั้งยังสามารถขยายไปในพื้นที่ให้บริการอื่นๆ ที่ยังไม่ได้มีการให้บริการส่วนนี้ได้อีกมาก

 “คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีกับบริษัทฯ ในปี 2567 จากประเมินว่า GLS จะมีสัดส่วน 5% ของรายได้รวมที่ประเมินว่าจะมีรายได้ 3,500 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ทางด้านสุขภาพ “Health Tech” เป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับโลกแห่งอนาคตที่คนจะหันมาใส่ใจสุขภาพ และการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยการที่บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัทใหม่ที่มีรายได้ต่อเนื่อง ผ่านการทำสัญญากับลูกค้าเป็นรายปี สอดรับกับแผนธุรกิจในการที่จะเพิ่มรายได้ต่อเนื่องของบริษัทอีกด้วย และต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการเพิ่มเติมตามแผนกลยุทธ์ New S-Curve” ดร.ณัฐนัย กล่าว

นอกจากนี้ ITEL ยังมีแผนนำบริษัทฯลูก บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (BLUE)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดย ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เวอร์ชันแรกเมื่อปลายปี 2566 เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นการเสนอขายไม่เกิน 6,000,000 หุ้น ให้ผู้ถือหุ้นของ ITEL และจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ เทคโนโลยี (TECH) โดยมีบริษัท สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 2567

อนึ่ง “บลู โซลูชั่น” ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเป็นให้ผู้บริการ System Integration ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) แบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ วางระบบ จัดหา และติดตั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงการติดตามดูแลรักษาและการฝึกอบรมให้แก่ผู้ใช้งาน และการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในลักษณะแบบรับเหมาโครงการแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) ให้แก่ลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่

Back to top button