TAN งบปี 66 “ออลไทม์ไฮ” รายได้ 1.4 พันล้าน แจกปันผล 0.20 บ. ขึ้น XD 21 มี.ค. 67
TAN โชว์ผลงานปี 66 “ออลไทม์ไฮ” กวาดรายได้ แตะ 1,415 ล้านบาท กำไรสุทธิ 167 ล้านบาท เติบโต 33% อานิสงส์ยอดขายสาขาและแบรนด์หาญโตเด่น เคาะปันผล 0.20 บ. ขึ้น XD 21 มี.ค.นี้ กำหนดจ่ายปันผล 9 พ.ค. 67 ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 20% เล็งการขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศ
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ลักซ์ชัวรีระดับโลก เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 (ตุลาคม-ธันวาคม) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิส่วนของกลุ่มบริษัทฯ ทำได้ 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำสถิติสูงสุดใหม่
โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,266 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิส่วนของกลุ่มบริษัทฯ ทำได้ 167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิส่วนของกลุ่มบริษัทฯ 125 ล้านบาท โดยหลักมาจากการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีที่มีประสิทธิภาพของสาขาที่มีอยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ GANNI (กานนี่) ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นจากประเทศเดนมาร์กที่มีดีไซน์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากดินแดนสแกนดิเนเวียเข้ามาเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอ พร้อมกับกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่างเชนร้านอาหารของเซเลบริตี้เชฟ Gordon Ramsay ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า
ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 21 มีนาคม 2567 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 22 มีนาคม 2567 รวมถึงจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ที่จ่ายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ส่งผลให้ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.70
ขณะที่ นายธนพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกในประเทศไทยปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 4 – 5% จากปีก่อนหน้า ตามภาวะการกลับมาใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มรายได้รับดับกลาง-บน ซึ่งยังมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง และการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการขยายของศูนย์การค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้กลุ่มค้าปลีกประเภทสินค้าแบรนด์เติบโตโดดเด่นในปี 2567
ขณะที่บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทุกมิติ โดยในปี 2567 วางเป้าหมายรายได้เติบโต 20% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิมและยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตจากการออกคอลเล็กชั่นใหม่ การปรับรูปแบบ Concept Store เพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แก่ลูกค้า การทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มแบรนด์แฟชั่นเข้ามาเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอ และการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจไปสู่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และการผลักดันการขยายการเติบโตของหาญในประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจที่จะเติบโตโดดเด่นในปี 2567 คือ กลุ่มแบรนด์หาญ และร้านอาหาร
“อีกทั้ง บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตผ่านการเพิ่มแบรนด์ที่มีศักยภาพเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในพอร์ตโฟลิโอ การขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการขยายไปสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งได้รับการตอบรับดี พร้อมทั้งการสร้างแบรนด์หาญในประเทศจีน โดยกลุ่มบริษัทฯ วางแผนจะขยายสาขาเชนร้านอาหารในเครือ “Gordon Ramsay” เพื่อรับดีมานด์ที่กำลังเติบโต และผลักดันรายได้ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตทะลุ 20% ตามเป้า” นายธนพงษ์ กล่าว