PF ตั้งเป้าปี 67 รายได้ 1.8 หมื่นล้าน เล็งขายที่ดิน-โรงแรมลดหนี้
PF กางแผนปี 67 ตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 2 หมื่นล้านบาท รายได้แตะ 1.8 หมื่นล้านบาท ตุนแบ็กล็อกแน่น 2 พันล้านบาท จ่อรับรู้รายได้ปีนี้ วางงบลงทุนกว่า 1 พันล้านปรับโฉมบ้าน-คอนโด เตรียมเปิด 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.7 พันล้านบาท เสริมแกร่งทางการเงิน เน้นมุ่งลดหนี้สินให้เหลือ 1 เท่าภายในปีนี้ ผ่านการที่ดิน-โรงแรม พร้อมวางเป้าลดหนี้ 1.1 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการจัดการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ลดภาระหนี้ พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ ตามการคาดการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการต่างๆเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง (Second Home) อย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้ กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขาย (Presale Target) ไว้ที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายของ PF จำนวน14,000 ล้านบาท และเป้าหมายของ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,540 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 4,460 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเป้ารายได้ของ PF จำนวน 12,000 ล้านบาท และแกรนด์ แอสเสทฯ จำนวน 6,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 8,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,380 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 3,770 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางการเงินให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย โดยตั้งเป้าหมายลดหนี้สินต่อทุนของกลุ่มบริษัทให้ลงไปอยู่ที่ระดับ 1 เท่าภายในสิ้นปีนี้ (จากปัจจุบัน 1.7 เท่า) โดยคาดการณ์ว่าจะลดลงได้จำนวน 7,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นลดภาระหนี้ของ PF จำนวน 2,000 ล้านบาท ด้วยการขายที่ดินออกไปบางส่วน และการลดภาระหนี้ของ แกรนด์ แอสเสทฯ จำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาการขายโรงแรมให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อ
“อีกทั้งในปี 2568 บริษัทมุ่งมั่นที่ลดภาระหนี้สินของบริษัทจำนวน 2,000 ล้านบาท ด้วยการขายที่ดิน และในปี 2569 จะลดหนี้สินจำนวน 2,000 ล้านบาท มาจากการได้เงินคืนจากบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทสามารถลดภาระหนี้ลงรวม 11,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยคาดการณ์ว่าจะเป็นผลให้แกรนด์ แอสเสทฯ กลายเป็นบริษัทปลอดหนี้ และทำให้ PF มีภาระหนี้สิน Net IBD/E) ต่ำ เพื่อความคล่องตัวทางการเงินที่เพิ่มขึ้น” นายวงศกรณ์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ ได้แก่ 1) บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า (Real Estate) สร้างความสุขอย่างยั่งยืน การเสริมฮวงจุ้ยและพลังงานด้านความสุขให้กับลูกบ้าน 2) โครงการร่วมทุน บริษัทวางเป้ารายได้ไว้ที่ 3,770 ล้านบาท โดยเป็นการร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศชั้นนำทั้ง 3 ประเทศ อาทิ Hongkong land, Sumitomo Forestry และ Sekisui Chemical และ 3) ธุรกิจโรงแรม บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3,250 ล้านบาท เนื่องจากมีการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยมั่นใจว่าในปีนี้ จะสามารถเติบโตได้ทั้งหมด 5 โรงแรมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ด้านนายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ PF เปิดเผยว่า ในส่วนของบริษัท PF ที่วางเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการร่วมทุนจำนวน 3,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ (Low Rise) จำนวน 9,0000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 2,000 ล้านบาท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่าจะรับรู้รายได้จำนวน 12,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการร่วมทุนจำนวน 2,200 ล้านบาท โครงการแนวราบ (Low Rise) จำนวน 8,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดถึง 67% รวมถึงคอนโด High Rise จำนวน 1,800 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีสินค้ารอโอน (Backlog) อยู่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 1 พันล้านบาท เพื่อปรับโฉมและตกแต่งโครงการในเครือให้สวยมาก รวมถึงวางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6,290 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,410 ล้านบาท เป็นแนวราบทั้งหมดโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน (Middle to High) โดยมุ่งเน้นบนทำเลที่คุ้นเคยมานานกว่า 20 ปีและมีฐานลูกค้าของบริษัทอยู่มากมาย ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการขายและสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว
โดยโครงการไฮไลท์ในปีนี้ได้แก่ “เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” ซึ่งเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เพอร์เฟค เพลสในโซนกรุงเทพตะวันตก รองรับความคาดหวังของลูกค้า มีการปรับดีไซน์ใหม่และขยายพื้นที่ให้มากขึ้น โดยจะนำเสนอพื้นที่ Living Terrace ช่วงกลางปีนี้ ส่วน “วาวิล่า” โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นจับกลุ่มลักซ์ชัวรี่เพิ่มเติมในทำเลกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า
รวมถึงยังมีการขยายโครงการในทำเลใหม่ ได้แก่ “โมดิ วิลล่า สถานีคูคต” เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง บริษัทยังเน้นการพัฒนารูปแบบสินค้าทั้งบ้านเดี่ยวในโครงการเพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ เพิ่มฟังก์ชั่นและขยายพื้นที่ใช้สอย รวมถึงการกลับมารุกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นอีกครั้ง ด้วย “เดอะ เมทโทร” ทาวน์โฮมที่ปรับโฉมใหม่ให้สวยงามเรียบง่ายในสไตล์มินิมอลลิสต์
“อย่างไงก็ตาม บริษัทยังคงไม่มีแผนงานที่จะเปิดคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ สาเหตุจากภาวะทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยในหลายๆโลเคชั่นเริ่มมีการ Oversupply เนื่องจากคอนโดส่วนใหญ่ของบริษัทราคา 3 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบริโภคดังกล่าวยังอ่อนแอจากผลกระทบสถานการณ์โควิดที่ผ่านมารวมถึงธนาคารล่อยกู้และการออกหุ้นกู้ยากมากขึ้นส่งผลกระทบการระดมทุน” นายวสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการเติบโตของแผนงานในปี 2567 และเดินหน้าสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Go Green” ผ่าน 4 แกนหลัก อาทิ 1) พลังงานสะอาด บริษัทมีแผนขยายการติดตั้ง Solar Rooftop บนอาคารสโมสร สำนักงานขาย และบ้าน ปละเพิ่มการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) เข้าไปในตัวบ้าน 2) การจัดการน้ำ โดยเฉพาะส่วนทะเลสาบ สร้างการจัดการน้ำให้มีคุณภาพและเน้นการหมุนเวียน นำไปใช้ต่อยอดได้ 3) กระบวนการผลิต บริษัทจะเลือกใช้วัสดุ Green Material กับบ้านทุกหลัง และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุน และ 4) ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ในปีนี้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับโฉมสโมสร และ Club House ของหมู่บ้าน โดยเริ่มทำเป็น Kids Club และการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทำเป็นฟิตเนส เพื่อคนรักสุขภาพ มีพื้นที่คาร์ดิโอ พิลาทีส และสระว่ายน้ำแบบโอลิมปิกในทำเลกรุงเทพกรีฑา
“ปัจจัยหลักๆที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัทนั้น มาจากธุรกิจโรงแรมที่เห็นการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ผลักดันโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้ความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าจะเห็นกำไรและอัตราค่าห้องพัก (ADR) เพิ่มขึ้นและค่าห้องพักจะกลับเท่าช่วงก่อนโควิด” นายวสันต์ กล่าวทิ้งท่าย