“วิษณุ-ศิริญา เทพเจริญ” งานเข้า ศาลรับฟ้องขายทรัพย์สิน NUSA จับตา 29 ก.พ. โหวตปลดกรรมการ
“วิษณุ - ศิริญา เทพเจริญ” งานเข้าอีก ศาลรับฟ้องคดีอาญา 3 กรรมการ NUSA ละเมิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ 2535 เหตุนำโครงการบ้านจัดสรรบริษัทฯ ขายยกแปลงให้กับบริษัทที่มีน้องสาวของ “ศิริญา” นั่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการ โดยไม่แจ้งบริษัทฯ พร้อมจับตา 29 ก.พ.นี้ ยังถูกที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเสนอถอดถอนพ้นตำแหน่งกรรมการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสถานการณ์ผู้บริหารและกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA โดยมี 1.นายวิษณุ เทพเจริญ 2.นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ และ 3.นางศิริญา เทพเจริญ โดยจะถูกที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NUSA วันที่ 29 ก.พ. 67 นี้ เสนอปลดออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แล้ว ขณะเดียวกันยังปรากฎว่าเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ศาลอาญารับฟ้องคดีอาญา ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เป็นคดีดำหมายเลข อ.590/2567 โดยมีบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ถือหุ้น NUSA เป็นโจทก์ฟ้องผู้บริหารและกรรมการทั้ง 3 รายเป็นจำเลย
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อนายวิษณุ นายสมพิจิตร และนางศิริญา ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ จากการนำโครงการบ้านกฤษณา-พระราม 5 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ NUSA ไปขายให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีน้องสาวต่างบิดาของนางศิริญานั่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการ ในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน โดยได้รับชำระเงินการขายเข้ามาเพียง 50% แต่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อจนแล้วเสร็จไปทำประโยชน์ก่อน โดยไม่ได้รายงานรายละเอียดในการทำธุรกรรมครั้งนี้ให้บริษัทฯ ทราบให้ครบถ้วน ทั้งที่เป็นการทำรายการเกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ภายใต้พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
ต่อมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เรียกให้ชี้แจงประเด็นดังกล่าว ซึ่ง NUSA ได้ทำหนังสือที่ลงนามโดยนายวิษณุ ชี้แจงกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงวันที่ 30 พ.ย.2566 ยอมรับว่าบริษัทฯ ได้ทำธุรกรรมดังกล่าว ทำให้เข้าข่ายรายการเกี่ยวโยงกัน โดยไม่ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบให้ถูกต้องตามขั้นตอน และราคาขายอาจไม่สมเหตุสมผล ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบจึงมีมติไม่อนุมัติธุรกรรมดังกล่าว นอกเหนือจากที่จดหมายระบุ ยังปรากฎว่าคณะกรรมการตรวจสอบยังมีมติให้ฝ่ายบริหารไปซื้อทรัพย์สินคืนกลับมา แต่ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบันกรรมการทั้ง 3 ราย ยังไม่ได้ซื้อทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาแต่อย่างใด