SNNP แย้มไตรมาส 1/67 สดใส ลุยเจาะตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
SNNP แย้มไตรมาส 1/67 สดใส ลุยเจาะตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทย พร้อมวางเป้าโกย Market Size แตะ 2.9 หมื่นล้าน จากขน่าดลาดประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวสินค้าใหม่ “เจเล่ฟิตต์” พร้อมวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นตั้งแต่วันนี้ มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง
นายศุภโชค บำรุงพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 635.78 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 515.71 ล้านบาท
โดยปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 6,015.9 ล้านบาท ทำ “ออลไทม์ไฮ” เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 อยู่ 5,604 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้าในประเทศปี 2566 เท่ากับ 4,391.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 เท่ากับ 4,046.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 345.7 ล้านบาท หรือ 8.5% และรายได้จากการขายสินค้าต่างประเทศในปี 2566 เท่ากับ 1,624.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 เท่ากับ 1,509.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.1 ล้านบาท หรือ 7.6%
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปี 2567 คาดเติบโตต่อเนื่องโดยตั้งเป้ารายได้ในประเทศและต่างประเทศเติบโต “ดับเบิล ดิจิต” ขณะที่ทิศทางในครึ่งปีแรกมองว่าในไตรมาส 1/2567 ยังเติบโตดี แม้มองว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 จะชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามมองว่าช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 น่าจะเป็นจุดพีกของธุรกิจ เนื่องจากมองว่างบประมาณปี 2567 จะออกมา และงบประมาณปี 2568 คาดจะออกมาในช่วงปลายปีนี้ก็น่าจะส่งผลให้ทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น
ด้านงบลงทุนปี 2567 หลังจากที่บริษัทติดตั้งเครื่องจักรและเดินเครื่องจักรในประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตทั้งหมด 6 โรงงาน และมองว่าระยะยาวใน 5 ปีข้างหน้าทางบริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่อย่างเครื่องจักรอย่างแน่นอน แต่ในส่วนของงบลงทุนปกติที่ตั้งเป้าไว้ไว้ไม่เกิน 80 ล้าน เพื่อใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักรให้สามารถใช้งานได้ปกติ
ขณะที่ด้านแผนธุรกิจบริษัทวางเป้าขยายตลาดมากขึ้นโดยภายใน 5 ปี (2567-2571) ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 27% และจะลดสัดส่วนรายได้ในประเทศเหลือ 60% จากปัจจุบัน 73% และวางเป้าจะทำอย่างไรให้ตลาดในประเทศสามารถเติบโต “ดับเบิล ดิจิต” ในทุก ๆ ปี
ด้านนายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ เปิดเผยว่า นอกจากนี้บริษัทมีแผนลุยเจาะตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยมากขึ้น โดยกลุ่มนี้มี Market Size หรือขนาดของตลาดอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทวางเป้าสัดส่วน Market Size จากกลุ่มนี้แตะระดับ 29,000 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ “เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2567 และพร้อมวางจำหน่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสินค้ามีขนาดราคาซองละ 15 บาท (1 ซอง บรรจุ 27 กรัม)
“บริษัทคาดหวังไว้ว่าหากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประสบความสำเร็จคาดจะมีอาหารเสริมภายใต้แบรนด์เจเล่ และเยลรี่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมองว่าอาหารเสริมเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง โดยบริษัทจับตลาดแมส-พรีเมี่ยม และสินค้ามีวิตามินและสารอาหารที่ใส่เข้าไปครบ และมองว่าสินค้าอาหารเสริมที่วางขายอยู่แล้วมีราคาสูง บริษัทคาดว่าสินค้าดังกล่าวจะเข้าไปแบ่งมาร์เก็ตแชร์และเป็นอัพไซด์ต่อยอดขายธุรกิจและมาร์จิ้นธุรกิจของบริษัทในอนาคต”นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย