MGC ปักธงปีนี้รายได้ทะลุ 3 หมื่นล้าน โต 20% ส่ง ZEEKR-XPeng ลุยเจาะตลาดรถอีวี
MGC ปักธงปีนี้รายได้ทะลุ 3 หมื่นล้าน โต 20% พร้อมวางกลยุทธ์สร้าง New S-curve หลังร่วมทุน “กลุ่ม ปตท.” ตั้ง NEO MOBILITY ASIA รุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร แย้มเฟสแรกเตรียมส่ง ZEEKR-XPeng สัญญาชาติจีน ลุยเจาะตลาดรถ EV ช่วงไตรมาส 2/67 ส่วน “อัลฟา เอกซ์” รุกหนักตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อแตะ 1 หมื่นล้านบาท หนุนผลงานปีนี้โตเข้าเป้า
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ‘MGC-ASIA Ecosystem’ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ ‘มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์ ผ่านการขยายฐานสินค้าและสร้างบริการใหม่ พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นแนวหน้าในหลากหลายกลุ่มเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
โดยปี 2567 บริษัทวางเป้ารายได้รวมแตะ 30,110 ล้านบาท เติบโต 19.80% จากปีก่อน 23,076 ล้านบาท โดยวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตโดดเด่นทุก 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ 1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) กลุ่มบริษัทฯเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตให้กลุ่มธุรกิจ นอกจากนี้กลุ่ม Marine Business ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง โดยมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้าง Marine Business Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการรักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอบริการที่ครอบคลุม รวมทั้งขยายฐานบริการอย่างเต็มรูปแบบ โดยกลุ่มบริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Azimut Yachts S7 ที่ Ocean Marina Pattaya และ Chris-Craft รุ่นใหม่ ที่โครงการ Riverdale Marina ปทุมธานี
2) ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง จากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้า
3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Services) ปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ ‘SIXT’ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่ม พรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก. มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น
4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนหน้าประมาณ 84% โดยฐานลูกค้ากลุ่ม High net worth มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้บริษัทฯยังเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financing และ Wealth Lending เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร โดยในปี 2567 บริษัทฯวางเป้าหมายรับรู้ผลกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการในลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง
ขณะที่บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 มีรายได้ 331 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8% และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
“สำหรับแผนการเติบโตใน 4 กลุ่มธุรกิจปีนี้บริษัทวางเป้าการเติบกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์,ธุรกิจให้บริการหลังการขาย,ธุรกิจบริการเช่ารถเติบโตเฉลี่ย 8-10% ขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ประกันภัยบริษัทวางเป้าเติบโต 7% โดยแผนการเติบโตดังกล่าวธุรกิจให้บริการหลังการขายบริษัทมีแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla แห่งที่ 2 ย่านรามคำแหง’ โดยจะเป็นศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดในไทย ส่วนธุรกิจเช่ารถยนต์มีแผนขยายไปยังกลุ่มโลจิสติกส์มากขึ้น ส่วนธุรกิจบริการทางการเงินครบวงจร “อัลฟา เอกซ์” ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อแตระดับหมื่นล้าน” ดร.สัณหวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้นอกจากการวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตโดดเด่น 4 กลุ่มธุรกิจแล้ว บริษัทพร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นแนวหน้าในหลากหลายกลุ่มเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
โดยล่าสุดบริษัทจับมือร่วมทุนกับกลุ่มอรุณ พลัส ซึ่งเป็นบริษัท EV Flagship ดำเนินธุรกิจ EV Value Chain แบบครบวงจร ที่กลุ่ม ปตท. ถือหุ้น 100% ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ครอบคลุม 1) ธุรกิจจัดจำหน่าย การตลาด ตัวแทนจำหน่าย และบริการหลังการขายแบบครบวงจร 2) ธุรกิจผลิตยานยนต์ รวมทั้งโอกาสการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ 3) ธุรกิจจัดการขยะแบตเตอรี (Battery waste management) และโอกาสการลงทุนในโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี (Battery recycling factory) 4) ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ EVme เพื่อเป็นช่องทางการทำการตลาด และการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อตอบสนอง ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกมิติ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“การร่วมมือระหว่างกลุ่ม MGC-ASIA กับบริษัท อรุณ พลัส จำกัด บริษัทในเครือกลุ่ม ปตท. นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะช่วยรองรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคของยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า โดยการนำ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มมาประสานรวมกัน เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Synergy ผลักดันให้เกิด New S-curve จากการมีสินค้าและบริการที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจของกันและให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นกลุ่มผู้นำในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก โดยแผนการจับมือร่วมทุนครั้งนี้แบ่งเป็น 3 เฟส โดยระยะแรกบริษัทมีแผนที่จะนำเข้ารถยี่ห้อ XPeng และ ZEEKR ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเข้ามาในไตรมาสช่วงไตรมาส 2/67และนำมาจัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ มอเตอร์โชว์ 2024” ดร.สัณหวุฒิ กล่าว