NER ตั้งเป้ายอดขายปี 67 แตะ 5 แสนตัน ลุยผลิตแผ่นกันเสียงรางรถไฟ
NER ตั้งเป้ายอดขายปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัน ภายใต้กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 515,600 ตัน ทุ่มงบลงทุนกว่า 1.4 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 302,400 ตัน คาดสร้างเสร็จภายในปลายปี 67 พร้อมเดินหน้าผลิตแผ่นกันเสียงรางรถไฟ
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงแผนการดำเนินงานและแนวโน้มในปี 2567 ของบริษัทฯว่าเทรนด์ราคายางมีทิศทางขาขึ้นรับปัจจัยบวกจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้ยางเป็นส่วนประกอบและมีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากสถานการณ์ภาวะแห้งแล้งในปี 2566 ส่งผลให้ผลผลิตยางพาราออกมาไม่เป็นตามที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าเข้ามาซื้อในปีนี้แทน โดยหากความต้องการเพิ่มขึ้นราคายางก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจากราคายางที่ยังอยู่ในระดับสูงจะมีส่วนช่วยในเรื่องของออเดอร์ล่วงหน้าไปจนถึงช่วงไตรมาส 2-3/2567
โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัน ภายใต้กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 515,600 ตัน ขณะเดียวกันเตรียมงบลงทุน 1,485 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 302,400 ตัน เพิ่มขึ้นราว 60% จากปัจจุบัน โดยวางแผนการทำโรงงานเป็น 2 ขั้นตอน คือเริ่มต้นที่ 170,000 ตันก่อน โดยมีออเดอร์รออยู่แล้วไม่น้อยกว่า 70,000 ตัน คาดแล้วเสร็จเฟสแรกปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 นอกจากนี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 2567เพิ่มขึ้นจากราคายางที่สูงขึ้นประมาณ 15-20%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีการผลิตแผ่นกันเสียงรางรถไฟ ซึ่งเป็นงานวิจัยใหม่ของบริษัทฯ และอยู่ในช่วงของการวิจัย ในส่วนของการขยายธุรกิจไปยังแอฟริกา บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงเดินทางไปเพื่อทำการศึกษา
“บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG โดยวางเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 ซึ่งบริษัทได้ทำการเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไฟธรรมดาเป็น LED ทั้งหมดในโรงงาน และมีการเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ จากขนส่งทางบกมาเป็นระบบรางมากขึ้น ซึ่งอยู่ประมาณ 50-60% โดยจะทำให้คาร์บอนที่ถูกปล่อยออกไปลดลง และมีการติดตั้ง Capacitor Bank เพื่อติดตามการทำงานของเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่การใช้กระแสไฟฟ้ามีความนิ่งและสม่ำเสมอ และบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการปลูกป่า โดยบริษัทฯ กำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ สำหรับด้านสังคมบริษัทฯ ได้ทำโครงการตลาดสีเขียว โดยการนำเอากากตะกอนจากการผลิตแก๊สและกระไฟฟ้าของบริษัทฯ มาให้ชาวบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้ๆ โรงงานขิงบริษัทฯ ไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกพืชต่างๆ และนำผักที่ได้มาจำหน่ายหน้าโรงงานของบริษัทฯ” นายชูวิทย์ กล่าว
ด้าน นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารบัญชี-การเงิน NER กล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ผ่านมา ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,545 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ขณะที่มีรายได้รวม 25,041 ล้านบาท ลดลง 0.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 25,169 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมียอดขายในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 127,500 ตัน เพิ่มขึ้น 15,148 ตัน จากไตรมาสก่อนหน้า และมียอดขายรวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 497,000 ตัน เพิ่มขึ้น 50,000 ตัน จากปี 2565
ขณะที่ นางสาวเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด, ควบคุมคุณภาพ, พัฒนาความยั่งยืน NER กล่าวว่าในปี 2566 ปริมาณยางในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน, อินโดนีเซียลดลง 18% และประเทศโกตดิวัวร์ ที่อยู่ในแอฟริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่มีการปลูกยาง โดยมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกในประเทศไทยลดลง 10% ตามตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ที่ประกาศก่อนหน้านี้ และอินโดนีเซียลดลง 15% ส่วนประเทศโกตดิวัวร์ เพิ่มขึ้นถึง 25%
ทั้งนี้ ประเทศโกตดิวัวร์มีการเติบโตของธุรกิจยางมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2553 ที่เริ่มรณรงค์ให้มีการปลูกยาง โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มของผลผลิตยางพาราที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในส่วนของพืชที่มีการปลูกใหม่ รวมทั้งต้นยางที่มีการเก็บเกี่ยวอยู่ในปัจจุบัน และอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ EUDR
โดยบริษัทฯ ได้เตรียมการสำหรับการรับรองมาตรฐาน EUDR ซึ่งทำเอกสารที่จะสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่เข้าโรงงานในแต่ละล็อต และจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป