เปิดงบ 4 หุ้น “กลุ่มนิคมฯ” ปี 66 ชู PIN กำไรเด่นสุดโต 3 เท่าตัว แตะ 1.3 พันล้านบาท

เปิดงบ “นิคมอุตสาหกรรม” WHA-AMATA-ROJNA-PIN ปี 66 ฟอร์มดี เทียบจากปีก่อน ฟาก PIN ท็อปฟอร์มกวาดกำไรโต 3 เท่าตัว แตะ 1,354 ล้านบาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลประกอบการงบการเงินประจำปี 66 ในกลุ่ม “นิคมอุตสาหกรรม” (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) จำนวน 4 บริษัท อาทิ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA และ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ซึ่งได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมาครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ พบว่าผลประกอบการงบการเงินกลุ่มบริษัทดังกล่าวออกมาเติบโตค่อนข้างดี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN รายงานผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,354.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 317.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 324.73 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 2,876.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,773.10 ล้านบาท หรือ 160.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 2,876.4 ล้านบาท โดยสอดคล้องกับยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิตจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐฯ และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ประกอบกับบริษัทฯ มีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งในเขตพื้นที่ EEC และมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคที่ได้มาตรฐานระดับสากล อีกทั้งความสามารถในการปรับราคาขายที่ดินต่อไร่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้รายการพิเศษจากการขายโรงงานเช่าในไตรมาส 2/2566 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นก็เติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประกอบกับการลดลงของต้นทุน ทางการเงินจากความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินตลอดจนความสามารถของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,425.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,045.87 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้และส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 17,014.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 15,567.60 ล้านบาท

โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจที่ดิน ธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้า โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินในธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ (Data Center) จำนวน 2 แห่ง หากไม่รวมการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์

บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA รายงานผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 980.15 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,139.71 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมอยู่ที่ 18,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 18,193 ล้านบาท ส่วนใหญ่รายได้จากการขายไฟฟ้า ลดลง เนื่องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาปรับค่า Ft ลง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 รวมถึงรายได้ค่าบริการและค่าเช่า เป็นรายได้จากการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม, บริการบำบัดน้ำเสีย และค่าบริการส่วนกลางลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน

อีกทั้ง ยังมีต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นตามปริมาณพื้นที่ที่โอนที่ดินให้กับลูกค้า และต้นทุนบริการและค่าเช่า เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA รายงานผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,884.76 ล้านบาท ลดลง 19.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,341.36 ล้านบาท โดยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ในปี 2566 ยังมีกําไรจากการจําหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในประเทศเวียดนามลดลงจากปี 2565 ซึ่งถ้าไม่นับรวมรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนดังกล่าว ในปี 2566 บริษัทฯ จะมีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 22.07%

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงกำไรปกติปี 2567 ของ WHA เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอด presale ที่ยังสูงที่ 2.25 พันไร่ หนุนการลงทุนในไทยที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้ง auto supply chain, datacenter, consumer และอื่นๆ และ transfer สูงที่ 2.1 พันไร่ จาก “backlog” สิ้นปี 2566 ที่สูงถึง 1.0 พันไร่ (ยังไม่รวม LOI จำนวน 524 ไร่)

รวมไปถึงรายได้จากการให้บริการ Utility จะเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณลูกค้าในนิคมที่เพิ่มขึ้น และเริ่มกระบวนการผลิตรถ EV ตั้งแต่กลางปี 2567-2568 ระยะสั้นประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 จะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากยอดโอนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นตามฐานแบ็กล็อกที่สูงขึ้น ขณะที่กำไรปกติจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นปกติตามฤดูกาล

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่าคาดการณ์กำไรธุรกิจหลักของ AMATA เพิ่มขึ้น 62% ในปี 2567 ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากแบ็กล็อกจำนวนมากถึง 1.43 หมื่นล้านบาท (1.20 หมื่นล้านบาท ในไทย และ 2.3 พันล้านบาทในเวียดนาม โดยในจำนวนนี้จะสามารถโอนได้ 487 ล้านบาท ในปีนี้และ 1.8 พันล้านบาท ภายในปี 2569 โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท คาดการณ์ยอดขายที่ดินจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปีนี้ และยอดขายที่ดินของ AMATA จะได้ตามเป้าที่วางไว้ 1,800 – 2,000 ไร่

Back to top button